บทความ

คำสัญญาที่พ่อให้กับลูก

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วนะครับ สมัยเด็ก แม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ปีกว่าๆ เท่านั้น หลังจากแม่ผมเสีย ผมก็ไม่สามารถกินนมคนอื่นได้ นมผง หรือนมอะไรก็แล้วแต่ ถ้ากินเข้าไปแล้วผมก็จะอ้วกออกมาทันที ในที่สุดผมก็ผอมจนเหลือแต่หนังติดกระดูก ทำให้พ่อผมจนปัญญาที่จะหาทางช่วยผม จนในที่สุด แม่นาง แม่ของ ออย เพื่อนแถวบ้าน แกอุ้มผมขึ้นมากอดไว้ แล้วพูดกับผมที่กำลังร้องไห้อยู่ว่า ‘กินนมของแม่ก็ได้นะ ถ้าเจ้าอยากกิน แม่ก็คงให้เจ้าได้เพียงเท่านี้ จากนี้ไปก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วล่ะ..’ ปรากฏว่าผมดูดนมของแกเข้าไปพร้อมกับหลับสนิท พ่อผมดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้ในที่สุดผม กับออย ก็ต้องกินนมแม่คนเดียวกัน อย่างบางครั้งผมร้องไห้ตอนดึก พ่อก็จะอุ้มผมวิ่งไปบ้านแม่นางเป็นประจำ ซึ่งพ่อผมจะสอนผมอยู่เสมอว่า แม่นางก็เปรียบเสมือนแม่แท้ๆ คนหนึ่ง และออยก็เหมือนเป็นน้องสาวของผมด้วย (ผมเกิดก่อนออย 6 เดือน) ครอบครัวของผมจะเรียกบ้านของออยว่า บ้านเล็ก เพราะเวลามีกับข้าวอะไร ผมก็จะเอาไปส่งที่บ้านของออยเสมอ บางวันผมก็ไปนอนอยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนออย เวลาที่พ่อกับแม่ของออยไปนอนในไร่ในนา จนถึงตอนที่ผมขึ้น ป.2 แม่นางก็ได้จากไป

ฉิบหายละกู

รูปภาพ
     ผมมีอาชีพขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ครับ ขับมาก็หลายปีพอสมควรแล้ว ที่ผ่านมาก็จะเช่ารถขับจากอู่แท็กซี่ จนมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง เลยมีความคิดว่าอยากดาวน์แท็กซี่เป็นของตัวเองสักคัน จนมาเจอบริษัทหนึ่งอยู่แถวพุทธมณฑล ผมก็ตกลงใจที่จะซื้อรถจากบริษัทนี้ จึงทำเรื่องซื้อ เรื่องค้ำประกันเรียบร้อยเสร็จ ก็รอวันรับรถ ซึ่งต้องรอตามคิวครับ รอประมาณ 2 อาทิตย์ก็ถึงคิวของผม ด้วยความดีใจที่จะมีรถเป็นของตัวเองคันแรก รุ่งเช้ามาผมก็ไปรับรถเลยทันที โดยไม่ทันคิดเรื่องฤกษ์งามยามดี เพราะมัวแต่ตื่นเต้น ซึ่งก็ผ่านไปเรียบร้อยดี รับรถมาจอดที่บ้านอย่างชื่นใจ โดยผมจะผลัดกันขับกับพ่อผมครับ ส่วนมากพ่อจะขับกะกลางวัน ผมขับกะกลางคืน จากนั้นผมก็เริ่มงานด้วยรถคันใหม่ ขับรถหาลูกค้าไปเรื่อยทุกๆ วัน แต่กลับรู้สึกว่าหาเงินได้ไม่ค่อยดีเหมือนตอนเช่ารถขับ บางครั้งเห็นคนยืนข้างทางเหมือนจะเรียกแท็กซี่ พอขับเข้าไปใกล้ๆ เขาก็ไม่เรียก แต่ไปเรียกอีกคันที่วิ่งตามหลังผมมา ทั้งๆ ที่รถผมก็ใหม่เพราะถอยป้ายแดงออกมาเลย แต่ผมก็ไม่อยากคิดมาก คิดว่าไม่ใช่ดวงของผม.. แต่นับวัน ยิ่งขับก็ยิ่งหาเงินยากขึ้นมากกว่าเดิม มิหนำซ้ำรถยังเสียอยู่บ่อยๆ อีก เ

ออกไป ออกไป

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เราชื่อเนเน่ ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.5 ค่ะ เนเน่ทำงานเสริมเป็นนักร้องตามวงดนตรีต่างๆ ด้วย ซึ่งการเป็นนักร้องแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นงานกลางคืนทั้งนั้น และมักจะต้องเจอเรื่องเเปลกๆ อยู่บ้าง อีกอย่างเนเน่เป็นคนมีเซ้นส์ค่ะ หมอดูเขาทักน่ะค่ะ.. วันนั้นเนเน่มีงานร้องเพลงที่อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีค่ะ สถานที่เป็นวัดแห่งหนึ่ง พอเลิกเรียนกลับบ้านมา เนเน่ก็อาบน้ำเเต่งตัวนั่งรอรถพี่ๆ นักดนตรีมารับค่ะ พอรถไปถึงที่งาน เนเน่เปิดประตูก้าวขาลงจากรถ พอเท้าสัมผัสกับพื้นเท่านั้นล่ะ อยู่ๆ ก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวเลยค่ะ ทั้งๆ ที่อากาศก็ไม่ได้หนาวอะไร แถมยังรู้สึกหายใจไม่โล่งอีกด้วย มันแน่นๆ หน้าอก จุกๆ ยังไงบอกไม่ถูก แต่เนเน่ก็ยังทำตัวปกติเหมือนเดิมค่ะ จนเวลาผ่านไป ใกล้เวลาที่จะต้องขึ้นแสดง นักดนตรีก็ขึ้นไปสแตนบาย ไปไหว้ครูกัน จนนักดนตรีเริ่มเทสเสียงกันแล้ว ส่วนเนเน่แต่งตัวเสร็จ และกำลังนั่งหลับตาไหว้ครูอยู่ แต่มันมีอยู่แวบนึงค่ะ มันเหมือนมีเสียงเป็นเสียงผู้ชายแก่ๆ อายุน่าจะราว 75 ขึ้นไปได้ คือเป็นเสียงแหบๆ แห้งๆ หลอนๆ อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ เสียงนั้

ไม่ใช่คนแน่ๆ

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ตอนนั้นเราอยู่ปี 2 และได้ย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนเราอีกคนค่ะ ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ยกสูงจากพื้นประมาณ 2 เมตร มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ..อยู่มาคืนหนึ่ง แฟนเราก็มาที่บ้าน และก็กำลังนั่งดูรายการผีในโทรทัศน์กันอยู่ มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งของรายการ ที่จะมีการท่องคาถาเรียกวิญญาณ เพื่อมาพูดคุยกัน ตอนนั้นเราก็แอบคิดในใจว่า ‘แล้วถ้าวิญญาณที่สถิตย์อยู่แถวนี้ได้ยิน เขาจะมาไหมนะ?’ แต่เราก็แค่คิดเล่นๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร พอรายการจบ เพื่อนเราก็แยกตัวไปนอน ส่วนเรากำลังจะลงไปส่งแฟนที่รถ แต่ยังไม่ทันก้าวลงบันได จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนกรี๊ด แล้ววิ่งออกจากห้องมาหาเราด้วยสีหน้าหวาดกลัว เหมือนตกใจอะไรบางอย่าง เรารีบถามเพื่อนว่า ‘เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?’ แต่เพื่อนยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่ยอมพูดอะไร บอกแค่ว่า ‘แกช่วยไปปิดม่านให้หน่อย..’ ที่ห้องนอนของเพื่อนเรายังคงปิดไฟอยู่ มีเพียงแสงสลัวๆ จากห้องโถงสาดเข้าไปในห้องนอน ในใจเราคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ เดินเข้าไปปิดม่านให้ โดยเปิดไฟห้องก่อน พอไปถึงตรงหน้าต่างกำลังจะเอ

นอนข้างนอกบ้านคนเดียว

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ผมกับเพื่อนๆ เดินทางไปเที่ยวภูเรือด้วยรถตู้ ไปกัน 11 คน เนื่องจากเป็นเทศกาลท่องเที่ยว ทำให้บ้านพักที่จองไว้ไม่เพียงพอ จึงได้แค่บ้านพักหลังเล็กๆ 1 หลัง กับจำนวนคนที่มากกว่า จึงต้องเตรียมเต๊นท์ไปกางนอนอีก 2 หลัง แต่พวกเราไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากอีกคืนเราก็จะได้บ้านเพิ่มหลังที่ใหญ่ขึ้น ตกดึกประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อนที่ตั้งวงกินเหล้าก็นั่งกินไป คุยไป ร้องเพลงเบาๆ คลอไปตามเรื่อง เพราะทางอุทยานไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดัง หรือใช้เครื่องเสียง ด้วยอากาศที่หนาวเย็นมาก อุณหภูมิตอนนั้น 7-8 อาศา ทุกคนต้องใส่เสื้อหลายชั้น บรรยากาศรอบที่พักเป็นลานโล่ง ที่พื้นมีแต่ใบไม้แห้งตกหล่น รอบๆ บ้านพักปกคลุมไปด้วยต้นสักขนาดใหญ่ คืนเดือนหงายเห็นบรรยากาศโดยรอบชัดเจนในระยะไกล ส่วนบ้านพักอยู่ใกล้หน้าผา แต่ไม่ได้น่ากลัวเพราะมีต้นไม้ขึ้นสูงปกคลุมทั่ว ส่วนเต๊นท์ 2 หลังที่กางไว้ อยู่ห่างจากบ้านพักออกไปเล็กน้อยประมาณ 20 เมตร กางติดกันโดยหน้าเต้นหันไปทางลานโล่ง หลังเต๊นท์เป็นปลายเขา.. ประมาณ 5 ทุ่ม ทุกอย่างดูราบรื่นดีครับ ผมเองเป็นนักศึกษาวิชาทหารเก่า เคยนอนเต๊นท์มาก่อน เลยเสียสละ

มึงพากูมาจากที่ของกู

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วนะครับ ผมเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งครับ ครั้งหนึ่ง ผมกับเพื่อนที่ทำงานวางแผนจะไปเที่ยวทะเลที่พัทยา และค้างคืนที่บ้านพักสวัสดิการของพนักงาน ไปกันทั้งหมด 10 คนครับ วันแรกที่เราไปถึง เราก็ออกเที่ยวกันตามปกติ นั่งเรือไปเกาะล้าน ตกเย็นก็กลับมาทำอาหารกินกันเองที่บ้านพัก ดื่มเหล้าเฮฮาตามประสาคนมาพักผ่อน พอกรึ่มๆ ได้ที่ ผมก็คิดอะไรแผลงๆ ชวนเพื่อนอีก 2 คนไปถ่ายวีดีโอเล่นแถวริมหาด จำได้แม่นว่าเป็นแถวถนนพระตำหนัก ซึ่งผมก็เดินกันไป 3 คน โดยมีเพื่อนคนหนึ่งถือกล้อง อีกคนถือไฟฉาย ส่วนผมเป็นพิธีกรครับ.. เราเดินกันไปตามชายหาดที่ค่อนข้างมืด ไม่มีไฟสักดวง ผมก็ให้เพื่อนถ่ายไปเรื่อยๆ และผมก็เริ่มบรรยายบรรยากาศอันน่าสยองให้ฟังไปด้วย เหมือนรายการผีอะไรอย่างนั้นน่ะครับ ต้องบอกก่อนว่า ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีสางสักเท่าไหร่ บวกกับอารมณ์กำลังมึนเมาได้ที่ เลยพูดไปเรื่อยเปื่อย ผมกับเพื่อนพยายามมองไปรอบๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็สุดท้ายก็ไม่พบอะไร คิดในใจว่าคงหมดสนุกแล้วล่ะมั้ง เลยตัดสินใจเดินกลับที่พัก ระหว่างที่เดินกลับ ผมก็เดินไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง ลักษณะเป็นกองดินเ

ไม่อยากได้ดอกไม้

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ซึ่งพี่ของผมเป็นคนที่เจอเหตุการณ์นี้ พี่เล่าว่า... พี่ทำงานเป็นเซลล์ขายของ กลับบ้านไม่ค่อยจะตรงเวลาเท่าไหร่ บางครั้งก็หัวค่ำทุ่ม 2 ทุ่ม บางครั้งก็เที่ยงคืนตี 1 ตี 2 ก็มี มีวันหนึ่ง พี่กลับมาจากที่ทำงานประมาณ 3 ทุ่ม เดินขึ้นสะพานไม้ข้ามคลอง กำลังเดินๆ อยู่ได้ยินเสียงคนเดินตามหลังมา หันกลับไปดูเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งเดินขากะเผลกอยู่ พี่เห็นเลยหยุดถามว่า ให้ช่วยอะไรไหม ใส่ส้นสูงแบบนั้นเดินลำบาก หากไม่รังเกียจกันจะพยุงไปส่งบ้านดีไหม? เธอคนนั้นยิ้มแล้วพยักหน้าให้ พี่เลยเข้าไปช่วยพยุง เธอบอกให้ไปส่งที่ท่าน้ำหน่อย พี่ถามว่าทำไมไม่ให้ไปส่งที่บ้านล่ะ? เธอบอกว่าเดี๋ยวแฟนจะมารับ.. พอไปถึงที่ท่าน้ำเธอบอกขอบคุณ พี่ถามว่า ดึกแล้วนะ แฟนจะมารับตอนไหน? เธอบอกว่า อีกแป๊ปเดียวค่ะ แล้วพี่ก็ขอตัวกลับบ้านไป..พอตอนเช้าพี่มีงานต้องไปในกรุงเทพฯ เลยต้องออกจากบ้านแต่เช้ามืด พอเดินไปถึงท่าน้ำก็เจอเธอคนนั้นยังคงอยู่ที่เดิม.. พี่ถามว่าแฟนยังไม่มาเหรอ? เธอบอกว่ายังเลย พี่ก็ตกใจ ถามว่าบ้านไกลไหมจะได้ไปส่ง เธอบอกไปไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกลับเองได้ พี่เลยไปทำงาน มองลงมา