บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2019

วัยรุ่นเฟี้ยวฟ้าว

รูปภาพ
     ย้อนไปสมัยตอนผมอยู่ ม.3 จะขึ้น ม.4 เป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองเฟี้ยวฟ้าวสุดๆ ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปสังสรรค์ตามบ้านเพื่อนที่อยู่ต่างหมู่บ้าน ตามประสาเด็กบ้านนอกสมัยนั้น วันหนึ่ง ผม อ๋อย และเบน ได้รับการเชื้อเชิญจาก เก๋ เพื่อนต่างหมู่บ้าน มีเหรอที่พวกผมจะปฏิเสธ ผมกับเพื่อนก็ซ้อนกันไปพร้อมกับเบียร์อีก 1 ลัง เรื่องของเรื่องคือแถวบ้านเก๋มีจัดงานศพ และพ่อแม่เก๋ไม่อยู่ ตามประเพณีชาวเหนือ งานศพมักจะจัดที่บ้านมากกว่าที่วัดครับบ้านเก๋จะแอบอยู่ท้ายซอย ระหว่างทางเข้าบ้านเป็นสวนมะม่วง ต้นมะม่วงต้นใหญ่เต็มไปหมด ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม และเย็นใช้ได้เลย.. พอพวกผมไปถึง เก๋ก็ออกมารับที่ชานบ้าน ลักษณะบ้านเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ตอนที่ผมจอดรถ ก็มองขึ้นไปเห็นยายแก่คนหนึ่งผมขาวโพรน ใส่เสื้อคอกระเช้า ยืนมองลงมาจากหน้าต่างชั้น 2 ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ และผงกหัวเป็นเชิงทักทาย เพราะ 2 มือแบกลังเบียร์อยู่ด้วย.. เข้ามาในบ้าน ก็จัดแจงปูเสื่อ เบน กับ อ๋อย ออกไปซื้อน้ำแข็ง เก๋ จัดของ เตรียมแก้ว ผมเลยเดินไปหลังบ้านเพื่อจะไปเตรียมกับแกล้ม และจะเข้าห้องน้ำด้วย.. ด้วยความที่หลังบ้านไม่ได้เปิดหน้าต่

ยางแตกก็ยังไปต่อ

รูปภาพ
      ผมเป็นคนระยองครับ เหตุการณ์ต่อไปนี้ผ่านมาประมาณ 10 ปีเห็นจะได้แล้ว เป็นคืนที่ผมกับเพื่อนอีก 3 คนจำได้ไม่มีวันลืมเลย ช่วงนั้นผมกำลังจะจบการศึกษาระดับ ปวส. ของโรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองครับ วันหนึ่งผมกับเพื่อนผู้หญิงอีก 3 คน ต้องทำรายงานฉบับหนึ่งส่งอาจารย์ ถ้าไม่มีส่งก็จะไม่จบ พวกเราจึงต้องไปหาร้านนั่งทำรายงาน แต่ปัญหาคือรถมอเตอร์ไซค์มีแค่คันเดียว เลยจำเป็นต้องซ้อน 4 กันไป ตอนนั้นบอกเลยครับว่าผมยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ผมเลยเป็นคนซ้อนท้ายสุดครับ ขี่หากันอยู่สักพักก็เจอร้านทำรายงาน ก็นั่งทำกันไปยาวๆ กว่าจะแล้วเสร็จก็ปาไปประมาณตี 1 ครึ่งได้ ต่างคนต่างง่วงนอน เลยจะกลับบ้าน แต่ประเด็นคือบ้านผมเนี่ยอยู่คนละทางกับคนอื่นๆ อีก 3 คนที่เหลือบ้านอยู่ทางเดียวกันหมด เลยต้องไปส่งผมก่อน ก็เหมือนเดิมครับ ผมนั่งคนสุดท้าย บ้านผมอยู่เส้นหลังแหลมทอง เด็กระยองน่าจะรู้จักกันดี ขี่รถไปได้สักพักก็สังเกตุได้ว่า เวลานี้ถนนเส้นนี้มันเปลี่ยวมาก แทบจะมีไม่รถวิ่งเลย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะนั่งกันมาตั้ง 4 คน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย แต่กลัวอะไรที่ไม่ใช่คนมากกว่า ขณะที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื

จุดธูปบอกพ่อปู่

รูปภาพ
       เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน เราได้ย้ายมาอยู่แฟลตกับแฟนกับลูกที่ยังเล็ก ซึ่งเป็นแฟลตของทหารอยู่แถวประชาชื่นค่ะ แต่ห้องที่มาอยู่เป็นห้องของเพื่อนเราอีกทีนะคะ เขาไม่ได้อยู่ เลยให้เราเข้ามาอยู่แทน แต่เพื่อนเราก็จะไปๆ มาๆ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ที่นี่จะมีศาลอยู่ตรงทางเข้าแฟลต ซึ่งคนที่นี่ใครเข้า-ออกต้องยกมือไหว้ทุกครั้ง พอพวกเราเข้ามาวันแรก แฟนเราก็ชวนให้ไปไหว้ศาลกันก่อน แต่ด้วยความที่เรามีลูกยังเล็ก อายุแค่ขวบครึ่งเท่านั้น แฟนเราเลยบอกให้เราดูลูกรออยู่ในรถนี่แหละ เดี๋ยวเขาจะไปไหว้เอง แฟนเราก็ลงไปไหว้ด้วยมือเปล่านี่ล่ะค่ะ เสร็จแล้วก็พากันขึ้นห้อง ช่วงที่อยู่ที่นี่ ตอนกลางวันลูกเราก็ปกติดีค่ะ แล้วคืนนั้นช่วงค่ำๆ เราก็นอนอยู่กับลูก อารมณ์เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกได้ว่าลูกขยับตัวอยู่ข้างๆ แล้วสายตาเราก็มองไปที่ปลายเท้าของตัวเองค่ะ เห็นคนแก่ผู้ชายถือไม้เท้ามานั่งยองๆ อยู่ที่ปลายเท้าเรา! แกดูแก่มากจริงๆ ค่ะ จังหวะนั้นเรารู้สึกว่ามันเหมือนจริงมากๆ ไม่รู้ฝันหรือจริง เรารู้สึกตัวอีกทีก็คือ ลูกร้องไห้ลั่นห้องเลยค่ะ เหมือนลูกง่วงมาก แต่เขานอนไม่ได้อะไรประมาณนั้น อาการคือมองไปทั่วห้อง แล้วก

ตุ๊กตานางรำ

รูปภาพ
      ผมเป็นคนระยองครับ ครั้งหนึ่งผมนัดกันกับพวกเพื่อนๆ ที่ทำงานไปเที่ยวเกาะกัน และก่อนหน้านั้น 1 เดือนก็พยายามหาที่พักในเน็ต แต่ปรากฏว่าเต็มทุกที่เลย จนไปเจอรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ยังมีห้องว่างอยู่ พวกผมก็ไม่มีสิทธิ์เลือก เลยจำเป็นต้องจองรีสอร์ทนี้ครับ พอถึงวัน ก็ออกเดินทางกันตามปกติ ไปกันประมาณ 10 กว่าคนครับ พอถึงเกาะก็นั่งรถจากท่าเรือไปยังรีสอร์ท แวบแรกที่เห็น ห้องพักก็ดูน่าพักดี ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก หน้าบ้านมีระเบียงยื่นออกมาให้นั่งกินเหล้าได้ ภายในห้องก็ใช้ได้เลย มีเตียงยาวต่อกัน และจะมีเตียงเสริมประกบอยู่อีก 2 เตียงซ้ายขวา หัวนอนหันไปทางทะเล บนหัวนอนจะเป็นบานหน้าต่าง สามารถเปิดม่านเห็นวิวทะเลได้ และเป็นห้องเดียวที่ติดทะเลด้วยครับ.. แต่พอดูๆ แล้ว ห้องเหมือนมีการต่อเติม มีรอยปะที่ผนังเต็มไปหมด ทุกคนเห็นก็ต่างมองหน้ากันแบบแปลกๆ ไฟกลางห้องก็ไม่ติด พนักงานต้องเอาไฟมาเปลี่ยนให้ ผมเลยสอบถามพนักงานไปว่า ‘ห้องนี้มีคนมาพักเยอะไหม?’ พนักงานบอกแค่ว่า ‘เยอะ..’ แล้วก็เดินออกไป แต่ผมกลับสงสัยว่า มีคนพักเยอะ แล้วทำไมเพิ่งจะรู้ว่าหลอดไฟเสีย จากนั้นทุกคนก็เลือกที่นอน

ย้ายหอพักใหม่

รูปภาพ
      ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 6-7 ปีก่อนตอนผมกำลังจะขึ้นปี 2 ครับ คือผมย้ายหอจากที่อยู่กับเพื่อน มาอยู่คนเดียว หอที่ย้ายมานี้ เจ้าของหอเป็นญาติผมเองครับ เบอร์ห้องที่ผมได้คือ 112 วันแรกเลยที่ย้ายเข้ามา ช่วงบ่ายๆ ผมก็ทำความสะอาด จัดห้อง จัดข้าวของอยู่คนเดียวจนถึงค่ำ ด้วยความเหนื่อยผมเลยหลับไปยาวเลยครับ พอช่วงใกล้เช้า เหมือนผมจะพลิกตัวแล้วมือไปปัดโดนรีโมททีวีตกจากเตียง เสียงรีโมทตกกระแทกพื้น ทำให้ผมสลึมสลือลืมตาขึ้นมาสักพัก แล้วก็หลับต่อ หลับไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรครูดไปมากับพื้น ผมเลยลืมตาแบบงัวเงียขึ้นมาดู ปรากฏว่ามันคือรีโมทที่ตกลงไปนี่แหละ แต่มันครูดกับพื้นไปมาโดยไม่มีอะไรไปสัมผัสมันเลย ลักษณะการเคลื่อนที่ของรีโมท คือเหมือนกับเด็กที่กำลังเล่นรถของเล่นยังไงยังงั้น ตอนนั้นผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวเลย ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ข่มตาหลับไปจนเช้ามาเลยคิดได้ว่า สงสัยเราย้ายเข้ามายังไม่ได้ขอเจ้าที่เจ้าทางล่ะมั้ง ว่าลูกหลานมาขอพักอาศัยด้วย ตั้งแต่นั้นมา ผมไหว้พระก่อนนอนทุกคืน ก็อยู่ไปต่อเหมือนจะปกติครับ และแล้วไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดอีกครั้ง

บริษัทค้าวัสดุ

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว เราได้เข้าทำงานที่บริษัทค้าวัสดุแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เราทำงานโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าที่นี่มีอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นอยู่ จนมาได้ฟังเรื่องเล่าที่พี่ๆ ยามของบริษัทเล่ากัน คือบนหลังคาที่มองจากด้านหน้าประตูทางเข้า มักจะเห็นมีชายหญิงคู่หนึ่ง มานั่งห้อยขาเล่น พี่ๆ ยามบอกว่าเห็นประจำจนชินแล้ว แต่เราก็ไม่เคยเห็นนะคะจนเมื่อเราทำงานผ่านไปได้ 1 เดือน ก็มีพี่พนักงานคนหนึ่งที่ทุกคนรักเสียชีวิตไป แต่เราไม่ทันได้รู้จักพี่เค้านะคะ เพราะเค้าป่วยมานาน ก่อนที่เราจะเข้ามาเสียอีก.. และด้วยความพี่แกเป็นคนรักงานมาก คงจะมีห่วง จน เราเองที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักพี่เค้าเลย ก็ได้เจอ.. ลองนึกดูนะคะ ตึกจะมีลักษณะเป็นห้างวัสดุชั้นเดียว แต่สูงประมาณ 6 เมตร และจะมีช่องระบายลมเป็นบานเกล็ด อยู่ช่วงประมาณเมตรที่ 5 ..เราเห็นผู้ชายใส่ชุดพนักงานบริษัท นั่งห้อยขามองมาทางกลุ่มพวกเรา แต่เราชี้ให้ใครๆ ดู กลับไม่มีใครเห็นกันเลย เราเลยเอาไปเล่าให้พี่ฝ่ายบุคคลฟัง แกเลยค้นเอารูปพี่คนที่เพิ่งเสียมาให้เราดู เท่านั้นล่ะ น้ำตาเราไหลเลย เพราะเป็นคนเดียวกันแน่ๆ ถึงจะเห็นไกลๆ แต่เราจำได

เสียงราดน้ำก่อนออกจากห้องน้ำ

รูปภาพ
      เมื่อหลายปีก่อน ตาเราป่วยเป็นมะเร็งอาการค่อนข้างหนัก เลยต้องไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในอำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร แล้วช่วงนั้นเราปิดเทอมพอดี แม่เลยให้เราไปอยู่ดูแลตาที่โรงพยาบาลด้วยกันค่ะ โดยจะมีแม่กับพี่สาวเราอยู่ด้วย ห้องผู้ป่วยเป็นห้องรวม เวลานอนก็จะต้องปูเสื่อนอนใต้เตียงตา นอนเบียดกัน 3 คน ทุกอย่างดูปกติเรียบร้อยดี เราอยู่เฝ้าตากันอย่างนั้นเกือบๆ เดือนเลยค่ะ แล้ว 1 คืนก่อนที่ตาจะได้ออกจากโรงพยาบาล คืนนั้นเราก็ดันปวดท้องเข้าห้องน้ำตอนตี 4 เราก็ไม่อยากรบกวนแม่กับพี่สาวที่กำลังหลับอยู่ เลยหยิบมือถือแล้วเดินไปเปิดประตู พอเปิดประตูออกไปก็จะเป็นทางเดินยาวๆ มีที่นั่งฝั่งขวา ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำรวม เข้าไปในห้องน้ำ ในสุดจะเป็นห้องอาบน้ำ ตามด้วยห้องน้ำ 2 ห้อง แล้วก็ห้องน้ำคนพิการอีก 1 ห้อง ตรงข้ามก็จะเป็นอ่างล้างหน้า เราเข้าห้องน้ำห้องในที่ติดกับห้องอาบน้ำ ก็ทำธุระส่วนตัวไป เล่นเกมมือถือไปด้วย แต่ไม่ได้เปิดเสียงนะคะ สักพักเราได้ยินเสียงคนเดินอยู่ตรงบริเวณอ่างล้างหน้า ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร เล่นเกมต่อแล้วทีนี้เราก็ได้ยินเสียงประตูห้องอาบน้ำข้างๆ เราเปิด ตอนนั้นเร

ที่นี่มีผี

รูปภาพ
      เราทำงานอยู่บริษัทโทรคมนาคมในจังหวัดอุบลราชธานี งานของเราเป็นงานสบายๆ แต่จะเลิกดึกเป็นประจำค่ะ มีวันหนึ่งเราต้องอยู่ดึกมาก ประมาณ 4 ทุ่มได้ ตอนนั้นก็จะเหลือเรากับป้าแม่บ้านอยู่กันแค่ 2 คน คือป้าแม่บ้านแกจะค้างที่นี่เลย จะมีห้องสำหรับแม่บ้านอยู่ด้านหลังตึกน่ะค่ะ ป้าแกก็กลับห้องไปก่อน ส่วนเราเก็บของเสร็จกำลังจะกลับ ก็ขอทาปากนิดนึง ตอนกำลังทาๆ อยู่นั่นเอง ในกระจกเราก็สะท้อนเป็นเงาดำเดินผ่านด้านหลังเราไป แวบเดียวจริงๆ เราก็ตกใจตาโตเลย ตอนนั้นใจสั่นมากๆ เลยรีบออกจากห้องทำงานลงมาที่รถทันที..ระหว่างที่กำลังกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่รถ เราก็เผลอเหลือบขึ้นไปบนห้องทำงานของเรา ซึ่งผนังห้องจะเป็นกระจก มองจากข้างนอกจะเห็นช่วงโต๊ะทำงาน เราเห็นเลยค่ะว่ามีคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเรา ไฟในห้องก็เปิดอยู่อีกด้วย เราแน่ใจเลยค่ะ ว่าโดนเข้าให้แล้ว! ..ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเรียกเรา ‘หนูนิด ยังไม่กลับอีกเหรอ?’ เป็นป้าแม่บ้านที่ตะโกนเรียกมาจากห้องของแกซึ่งอยู่ใกล้ๆ รถของเรานั่นเอง เราเลยบอกป้าแกไปตรงๆ ว่า ‘ป้าคะ เหมือนว่าหนูจะถูกผีหลอกเลยค่ะ..’ ป้าแกก็ตอบกลับมาตรงๆ ว่า ‘ป้าก็กำลังจะขึ้นไปบอกหนูนิดอยู่ ว่าอย่ากลับด

คนหน้าเหมือน

รูปภาพ
     เรื่องนี้เป็นความเชื่อแต่โบราณนะคะ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน เราได้ฟังมาจากพี่สาวอีกทีค่ะ คือเมื่อสัก 30 กว่าปีก่อน ในหมู่บ้านเราจะมีครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่เป็นครู มีลูกสาว 3 คน ชื่อแป้ง เปีย และปาง (นามสมมติ) แป้งเป็นลูกสาวคนโต ตอนแป้งอายุประมาณ 12-13 ปี ก็มักจะมีแต่คนทักว่าหน้าเหมือนแม่ ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือน ซึ่งพี่เราก็ว่าเหมือนจริงๆ ค่ะ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ประหลาดหลายครั้ง ที่ทำเอาแป้งเกือบถึงชีวิต คือเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างพยายามจะมาเอาชีวิตไป พี่สาวเราเล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งแป้งแค่ลงไปเล่นน้ำในคลองตื้นๆ เท่าเอว ก็จมน้ำไปเฉยๆ พอช่วยขึ้นมาได้ ตามขาของน้องแป้งก็มีรอยช้ำเป็นรูปมือเต็มขา เหมือนมีคนจับขายังไงยังงั้น จนคนแถวนั้นต่างพูดกันถึงเรื่องความเชื่อที่ว่า ‘ถ้าหน้าเหมือนกัน จะต้องมีคนหนึ่งที่จากไป..’หลังจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งเกิดขึ้น คือแป้งไปปีนต้นไม้เล่น ซึ่งก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่ แล้วเกิดพลัดตกลงมา สลบไม่ได้สติไปถึง 3 วันก็ยังไม่ฟื้น แม่ของแป้งเสียใจมาก กลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไป เลยอธิษฐานขอว่า ‘ถ้าจะต้องมีคนจากไป ขอให้เป็นแม่ได้ไหม ขอชีวิตลูกสาวคืน และอย่าให้ได้เจ็บไข้

เจอเหมือนกับเพื่อน

รูปภาพ
      เรื่องนี้ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ ย้อนไปตอนผมเรียนอยู่ ม.3 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเขตบางโพงพาง ตอนนั้นเป็นช่วงเข้าค่ายลูกเสือ โรงเรียนผมพาไปค่ายแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเขาในจังหวัดสระบุรีครับ ทุกอย่างผ่านไปปกติ สนุกสนาน แต่เรื่องมันเกิดขึ้นช่วงกลางคืนวันที่ 2 ครับ คืนนั้นมีกิจกรรมรอบกองไฟ เป็นการแสดงต่างๆ ของแต่ละกลุ่ม พอเสร็จกิจกรรม ครูฝึกก็ให้แยกย้ายกันไปเข้านอน ลักษณะที่นอนจะเป็นห้องโถงนอนรวมกันครับ คืนนั้นผมนอนไปได้สักพักใหญ่ ก็มีเสียงผู้ชายเรียกชื่อของผม ‘เบน เบน..’ เรียกอยู่อย่างนี้วนไปวนมา จนผมต้องลุกขึ้นมานั่งหาต้นตอของเสียง จนไปเจอเป็นเพื่อนผมเองครับที่เรียกผม ยืนอยู่ตรงหัวนอนก้มหน้าลงมาเรียก ‘เบนไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย..’ แล้วมันก็เดินนำไปรอที่ประตู ผมซึ่งกำลังงัวเงียก็จะลุกขึ้นจากที่นอน แล้วมือของผมก็ไปสัมผัสบนตัวเพื่อนข้างๆ ซึ่งพอผมมองหน้าเพื่อนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างผม ก็ต้องสะดุ้งเลยครับ เพราะมันคือเพื่อนคนที่เรียกผมไปห้องน้ำเมื่อกี้นี่เอง!? ผมหายง่วงทันทีเลยครับ ผมค่อยๆ มองไปที่เพื่อนที่ยืนรออยู่ที่ประตู มันก็ทำท่ากวักมือเรียก แต่ก็เห็นแค่เงาลางๆ เพราะมัน

ออกจากงานแบบไม่บอกไม่กล่าว

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วนะครับ ตอนนั้นผมอายุ 16 ปี เรียนอยู่ ม.4 ครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ร้านอาหารในห้างดังย่านบางรักนะครับ คือทุกเย็นหลังเลิกเรียน ผมจะไปทำงานพาร์ทไทม์ เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งนี้ครับ เป็นร้านอาหารเล็กๆ มีพนักงานบาริสต้า 1 คน พนักงานครัว 3 คน พี่ผู้จัดการร้าน 1 คน ซึ่งจะเป็นแคชเชียร์ด้วย และเด็กเสิร์ฟ 1 คน คือผมเอง ผมทำงานได้เดือนกว่าๆ ทุกอย่างปกติ ลูกค้าก็เยอะดีครับ จนมาวันหนึ่ง ตอนนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว ยังมีลูกค้าอยู่ 2 โต๊ะ หลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ ผมก็ไปแอบเล่นมือถืออยู่ที่มุม ตรงที่เตรียมอาหารไว้สำหรับเสิร์ฟครับ เป็นช่องเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับห้องครัว ผมนั่งได้แค่ไม่นาน จู่ๆ ไฟในห้องครัวก็กระพริบถี่ๆ แล้วพี่ฟ้า ที่เป็นหนึ่งในพนักงานครัวก็ร้อง ‘กรี๊ดดด!’ ขึ้นมา ก่อนไฟจะดับวูบลง จากนั้นพี่ๆ ทั้ง 3 คน ก็วิ่งแตกตื่นกันออกมาจากห้องครัว พร้อมกับมีหนูอีก 2 ตัว วิ่งออกมา ผ่านขาลูกค้าไป ลูกค้าถึงกับรีบเช็คบิลทันทีเลยครับ ทุกคนรวมถึงผมต่างคิดว่า ที่พี่ฟ้าร้องกรี๊ดเพราะหนู แต่ไม่ใช่เลยครับ มันมีมากกว่านั้น พี่ฟ้าออกมานั่งมือสั่น พร้อมกับร้องไห้ไ

เหตุที่ทำให้ต้องเลิกกัน

รูปภาพ
     เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาหลายรุ่นนะคะ คือสมัยที่คุณย่าทวดของนิ่ม (แม่ของคุณย่า) ยังสาวๆ ชื่อว่า ย่าเเจ่ม ช่วงนั้นที่หมู่บ้านในต่างจังหวัด มีคนเจอกระสือกันบ่อยมาก เเต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าใครที่เป็นกระสือค่ะ จนย่าเเจ่มได้ไปเจอไปรู้จักกับ ปู่เฉลิม ค่ะ ทั้งคู่ก็ชอบพอกันมาก เวลาผ่านไปไม่นาน ปู่เฉลิม กับย่าแจ่มก็ตกลงเเต่งงานกันค่ะ ย่าเเจ่มเลยต้องย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านปู่เฉลิม บ้านจะเป็นบ้านไม้เก่าๆ มี 2 ชั้น เเละค่อนข้างอับมาก ที่บ้านจะมีเเค่แม่ของปู่เฉลิมเท่านั้นที่อาศัยอยู่ด้วย เเกชื่อ ยายหอม ..ตกดึกคืนแรกนั้น ย่าเเจ่มนอนหลับ แต่ก็รู้สึกคล้ายๆ เหมือนกับจะตกจากที่สูง จนย่าเเจ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เห็นปู่เฉลิมยังหลับอยู่ข้างๆ ย่าเเจ่มเลยไม่ใส่ใจ คิดว่าคงเพราะนอนต่างที่ พอจะนอนต่อ สายตาก็ดันไปสะดุดกับบานหน้าต่างที่ปิดไม่สนิท ย่าเเจ่มกำลังจะลุกไปปิด เเต่ว่าอยู่ๆ ก็เห็นมีเเสงสีเเดงวาบลอดผ่านเข้ามา ตอนนั้นเอง ในหัวของย่าเเจ่มก็นึกถึงคำพูดของชาวบ้าน ที่ว่าช่วงนี้มีกระสือออกบ่อย ย่าเเจ่มเริ่มใจเสียเลยรีบนอนลง เเต่สายตายังคงเเอบดูอยู่.. ‘ตึง!’ ย่าเเจ่มตกใจสุดขีด เพราะจู่ๆ หน้าต่างที่เปิดอยู่

เห็นเหมือนกันเป๊ะ

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วนะคะ คืนวันหนึ่ง แนทไปเที่ยวเพลินบาร์ที่ซอยรังสิตภิรมย์ ไปกัน 2 คน คือแนท กับพี่แคท หลังจากที่กินดื่มกันเรียบร้อย คือเรา 2 คนไม่ถึงกับเมามาก ยังมีสติดีอยู่ ก็พากันเดินออกมาจากร้าน จะไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าปากซอย หอแนทจะอยู่อีกซอยถัดไปซึ่งไกลกันพอสมควรค่ะ ในระหว่างที่กำลังเดินออกมาจากซอยรังสิตภิรมย์ ก็มีแท็กซี่คันหนึ่งกำลังเข้ามาส่งคนในซอยนี้พอดี แนทกับพี่แคทก็เล็งไว้ว่าจะขึ้นคันนี้แหละค่ะ ตอนที่แท็กซี่ขับผ่านไป แนทก็มองเข้าไปในรถ เห็นผู้โดยสารเป็นนักศึกษาผู้หญิงกับผู้ชาย นั่งอยู่เบาะหลัง แนทกับพี่แคทตัดสินใจหยุดเดิน เพื่อรอรถแท็กซี่ที่เข้าไปส่งผู้โดยสารวนรถออกมารับ ไม่นานรถแท็กซี่คันเดิมก็ขับออกมาช้าๆ เพราะซอยค่อนข้างเล็ก แนทเห็นแท็กซี่เปิดไฟ ‘ว่าง’ ตัวหนังสือสีแดงที่หน้ารถ ก็โบกเลยค่ะ แต่พอรถเข้ามาใกล้ๆ แนทกลับเห็นว่ามีนักศึกษาผู้ชายคนเดิมนั่งก้มหน้าอยู่ที่เบาะหลัง แต่ผู้หญิงลงไปแล้ว แนทกับพี่แคทร้องพร้อมกันเลยว่า ‘เอ้า! ไม่ลงหรอ?’ ก็งงกันว่าทำไมแท็กซี่ถึงเปิดไฟ ‘ว่าง’ขณะที่แนทกำลังหันมาคุยกับพี่แคท หันมาอีกทีแท็กซี่ก็มาจอดอยู่ตรงหน้าแล้ว แน

เจ้าที่แรง

รูปภาพ
     ย้อนไปประมาณ 10 ปีที่แล้วนะคะ เราอยู่จังหวัดสุรินทร์ ใกล้จะเรียนจบ ม.6 และเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ จำเป็นต้องหางานทำ เพื่อหาเงินค่าเทอมเรียนต่อมหาวิทยาลัย พอดีมีคนรู้จักแนะนำให้ไปทำงานกับป้าคนหนึ่ง ซึ่งป้าคนนี้เปิดร้านขายอาหารอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี.. แล้วพอถึงเวลา เราก็เดินทางจากบ้านไปยังปราจีนบุรี ไปถึงก็ช่วงมืดแล้ว คือเรามาพักอาศัยอยู่ที่บ้านของป้าคนนี้ตลอดช่วงทำงานเลยน่ะค่ะ พอเจอป้าแกเราก็ไหว้ แนะนำตัวกันเรียบร้อย ป้าแกก็ดูใจดีนะ พาเราไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ลักษณะบ้านคือเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ทั้งบ้านมีป้าแกอยู่คนเดียวค่ะ ชั้นบนมี 3 ห้องนอน ห้องใหญ่สุดเป็นห้องของป้า ห้องถัดมาเป็นห้องของแม่แกซึ่งเสียไปแล้ว และห้องสุดท้ายเป็นห้องของน้องชายป้า ซึ่งไม่ได้อยู่ ป้าเลยให้เราอยู่ห้องของน้องชายแก แต่ป้าแกย้ำว่า ‘ห้ามเคลื่อนย้ายของในห้องนะ และของที่อยู่ในลิ้นชัก ไม่ต้องเปิดดู..’ แล้วแกก็ออกจากห้องไป..ด้วยความที่เราสงสัย เลยขอเปิดดูนิดนึงว่าในลิ้นชักมีอะไร ปรากฏว่าเป็นพวกเสื้อผ้าข้าวของของน้องชายป้า เราก็เลยปิดไปไม่ได้สนใจอะไร ด้วยความที่เพลียจากการเดินทางไกล เราเ

ไม่มองหน้าเพื่อนทั้งสัปดาห์

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่ 1 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เย็นวันหนึ่งที่มหาวิทยาลัย ผมกับเพื่อนๆ ทำงานกลุ่มกันอยู่ที่อาคารเรียนรวม 1 ตอนแรกก็มีเพื่อนช่วยกันทำหลายคนนะครับ แต่พอดึกหน่อยประมาณ 4 ทุ่ม เพื่อนก็เริ่มกลับกันหมด เหลือแค่ผมกับเพื่อนชื่อเต้ย 2 คนเท่านั้นครับ ผมกับไอ้เต้ยทำงานกันต่อจนถึงประมาณตี 2 ก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว เลยจะกลับกัน ผมปิดไฟในห้อง ไฟทางเดิน แล้วลงมาจากอาคารเรียนพร้อมกับไอ้เต้ย อาคารเรียนนี้ปกติจะมีทางลง 2 ทาง แต่ตอนดึกยามจะปิดเหลือแค่ทางลงเดียวครับ พอลงมาเต้ยมันก็ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของมัน ที่จอดไว้ที่ลานจอดรถหน้าอาคารเรียนรวม เตรียมที่จะไปแวะส่งผมกลับหอพัก แต่ปรากฏว่าไอ้เต้ยมันก็นึกขึ้นได้ มันทวงที่ชาร์จแบตมือถือมัน เพราะผมยืมมันไปตอนทำงานอยู่บนอาคารเรียน แล้วผมลืมหยิบลงมา ผมเลยอาสาว่า ‘เอ้อเดี๋ยวกูรีบขึ้นไปเอาให้..’ แล้วผมก็รีบกลับขึ้นไปข้างบนอาคารเรียนอีกครั้ง ตอนทำงานก็ไม่ได้กลัวนะครับ แต่พอกลับมาคนเดียวเนี่ย มันมืดและวังเวงมาก ผมเปิดสวิทช์ไฟแต่เปิดไม่ติดเลย ผมเลยใช้ไฟมือถือส่องแทน ผมเดินขึ้นบันไดไป พอขึ้นไปมันจะเป

ชอบตามคนที่กินอิ่ม

รูปภาพ
      เราพักอยู่หอหลังมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านรังสิตค่ะ หอที่เราพักอยู่มี 3 ตึก ตึกละ 8 ชั้น คือเราพักอยู่หอนี้กับแฟน มีอยู่วันหนึ่งเรากับแฟนออกไปกินหมูกระทะกัน แล้วตอนขากลับก็กลับทางลัดด้านหลังมหาวิทยาลัย ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยวและมืดมาก ปกติก็ไม่ค่อยจะได้มาเส้นนี้เท่าไหร่ แล้วระหว่างทางซึ่งจะเป็นทางโค้ง เราก็เห็นมีผู้หญิง 2 คน ประมาณวัยนักศึกษามายืนโบกรถอยู่ แต่เราก็ไม่ได้จอด เพราะคิดว่าคงจะโบกคันหลัง ก็เลยไม่ได้อะไร ขับกลับมาเรื่อยๆพอถึงหอ เราก็อาบน้ำนอนกันเลย เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ พอปิดโคมไฟนอนไปได้ไม่เกิน 5 นาที ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ‘ก๊อก ก๊อก’ ..เรากับแฟนได้ยินชัดเลยทั้งคู่ เลยบอกให้แฟนไปดูว่าใครมา พอแฟนเราลุกไปเปิดประตูห้องดูกลับไม่มีใครเลย ทีนี้แฟนเราเลยลองเคาะประตูห้องดู เสียงมันก็ไม่เหมือนกับที่ได้ยินเมื่อครู่ แต่พอลองเคาะประตูห้องน้ำ ‘ก๊อก ก๊อก’ เสียงมันใช่เลย! ตอนนั้นก็รู้สึกแปลกๆ กันนะ แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร ด้วยความง่วงก็ปิดไฟนอนต่อ วันต่อมา เราต้องไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัด 1 คืน แฟนเราเลยชวนเพื่อนมานอนที่ห้อง ทีนี้พอตอนเช้า เพื่อนแฟนเราถามว่า ‘เมื่อคืนมึงรู้สึ

ของขวัญที่คุณย่าให้ไม่ได้

รูปภาพ
      เมื่อสมัยเด็ก เราอยู่กับย่ามาตลอด ย่าเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กผู้หญิง แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กน่าสงสาร แม่ก็ไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่พ่อเสียเมื่อตอนเราอายุได้เพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น ย่าเลยต้องเป็นคนเลี้ยงดูเราตั้งแต่นั้นมา เราติดย่ามากๆ ย่าตามใจเรามากกว่าหลานคนอื่น รักมากกว่าคนอื่น จนคนในบ้านก็มีบ้างที่จะหมั้นไส้ โดยเฉพาะหลานชายคนเล็กในบ้าน ที่ชอบทะเลาะกับเราเป็นประจำ ซึ่งย่าก็มักจะเข้าข้างเราตลอด จนทำให้พ่อกับแม่ของหลานชายเราพาลไม่ชอบเราไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมีย่าคอยปกป้อง ย่ามีโรคประจำตัวค่ะ คือโรคเบาหวาน ย่าเป็นแผลที่นิ้วโป้งเท้าข้างขวา ซึ่งป้าก็คอยทำแผลให้จนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่แล้ววันหนึ่งป้าก็เกิดทะเลาะกับย่า ก็มีน้อยใจกัน ป้าเลยไม่ได้มาทำแผลให้ย่าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทำให้แผลลามไปทั้งขา จนย่าเราเดินไม่ได้ ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นไม่บอกใคร ลุงมารู้เข้าเลยรีบพาย่าไปโรงพยาบาล ย่าเราอาการไม่ค่อยดี ต้องนอนให้น้ำเกลือ ให้อาหารทางสายยาง แต่ย่าก็จะกอดเราเสมอ บอกรักเราทุกวัน เราก็มาเฝ้าย่าทุกวัน มีวันหนึ่งย่าพูดกับเราว่า ‘วันเกิดนี้ ย่าจะกลับบ้านเป็นของขวัญวันเกิดหนูนะ.

เจอปุ๊บ เลิกทำตัวเหลวไหลปั๊บ

รูปภาพ
      ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางเขน และได้พักอยู่อพาร์ทเม้นท์ในซอย อยู่กับรูมเมทชื่อ ส้ม ค่ะ เจ้าของอพาร์ทเม้นท์นี้เป็นทหารที่ค่อนข้างจะเข้มงวดมาก จะขึ้นห้องก็ต้องถอดรองเท้าถือขึ้นไป สมัยนั้นเราเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าเฮฮาตามประสาวัยรุ่น บางทีกลับมาจากเที่ยว ก็จะมีเพื่อนคนอื่นกลับมานอนด้วย ทั้งหญิงชาย และเก้งกวาง คือเพื่อนๆ กันทั้งนั้น ไม่มีอะไร แต่เจ้าของหอที่เป็นทหาร จะชอบมายืนมองพวกเราเดินขึ้นหอ เหมือนจะจับผิด ซึ่งพวกเราก็ไม่ค่อยจะชอบเขาเท่าไหร่นัก ขึ้นมาห้องก็บ่นๆ กันตามประสา มีอยู่คืนหนึ่งที่เรากับส้มไม่ได้ออกไปเที่ยวเพราะฝนตก เรา 2 คนก็เปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ฟังกันในห้อง เราก็บอกส้มว่า ‘เออ บรรยากาศแม่งได้ว่ะมึง ไปซื้อเบียร์มากินกันป่ะ?’ ส้มก็เห็นดีเห็นงามด้วย จึงไปซื้อเบียร์กันที่เซเว่นหน้าปากซอยเข้ามา 6 ขวด ก็นั่งกินเบียร์ ฟังเพลงกันไปเรื่อยเปื่อย ฝนก็ตกพรำๆ ทั้งคืนเย็นสบาย เราเลยไปเปิดประตูหลังห้องที่ต่อกับระเบียง เพื่อให้อากาศเย็นๆ เข้ามา เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่พวกเรานั่งคุยกันไป กินเบียร์กันไปยังไม่ทันหมด อยู่ๆ

แกล้งคนอื่นจนโดนเอง

รูปภาพ
      ต้องขอท้าวความกลับไปก่อน คือผมมีญาติรุ่นๆ เดียวกันกับผมคนหนึ่ง ชื่อจี (นามสมมติ) ผมกับเธอสนิทกันมากตั้งแต่สมัยเด็ก วิ่งเล่นด้วยกันตลอด พ่อของจีเป็นญาติกับผม แต่พ่อกับแม่ของจีแยกทางกันตั้งแต่จียังเด็ก ผมเองเคยเห็นแม่จีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และผมไม่เคยเห็นยายของจีเลย จนเมื่อหลายปีก่อนยายของจีเสีย ผมเห็นจีโพสท์ลงเฟสว่า ‘ยายไปหาพี่ๆ น้องๆ จีหมดแล้ว อย่ามาหาจีเลยนะ จีกลัว!’ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบแกล้งจีประจำ ผมเลยไปตอบคอมเม้นท์ว่า ‘ยายมาแน่ ยายมาหาแกแน่ๆ 555’ จากนั้นจีก็คอมเม้นท์ด่าผมยกใหญ่ แต่ยังไม่พอครับ ผมยังโทรไปหาจีเพื่อหยอกประมาณเดิมว่า ‘ยายมาแน่ ยายมาหาแกแน่..’ จนจีทนไม่ไหว จีบอกผมว่า ‘เดี๋ยวชั้นจะบอกให้ยายไปหาแกแทน!’ ตอนนั้นผมก็หัวเราะครับ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยกลัวผีเท่าไหร่ พอตกดึกคืนนั้น ผมก็นอนกับแฟนตามปกติ ส่วนใหญ่แฟนผมจะเอาหัวหนุนแขนผมแล้วกอดกันนอน แต่คืนนั้นจำได้ว่าอากาศร้อน เลยต่างคนต่างนอนครับ ตกดึกของคืนนั้น ผมฝันว่าผมกำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ในซอยแห่งหนึ่ง แล้วระหว่างทางก็เห็นยายแก่ๆ คนหนึ่งกำลังเดินอยู่ในซอยมืดคนเดียว ผมเลยจอดแล้วทักยายไปว่า ‘ยาย บ้านยายอยู่ไหน

อยู่คนเดียวมาตลอด

รูปภาพ
      เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ผมทำงานเป็น Admin อยู่ที่บริษัทของเล่นแห่งหนึ่งในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีครับ โดยที่นี่จะมีตึกสำนักงานใหญ่ กับตึกโชว์รูมของเล่น ตั้งอยู่ห่างกัน 2-3 ซอย ผมได้ประจำอยู่ที่โชว์รูมเพื่อคอยต้อนรับลูกค้า ซึ่งก็ไม่ได้มีลูกค้ามาบ่อยนัก ลักษณะตึกโชว์รูมจะเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องโถงใหญ่ทำเป็นโชว์รูมของเล่นเด็ก และมีกั้นห้องเล็กๆ เป็นออฟฟิศของผม ผมทำงานที่นี่ได้ 1 เดือน แต่ยังไม่เคยได้เจอเพื่อนร่วมงานในตึกนี้เลย เพราะผมอยู่ประจำชั้นล่างคนเดียว จะได้ยินแต่เสียงคนงานทำงานอยู่ชั้นบนตลอด แต่ผมก็ไม่ได้อะไร คิดว่าเค้าคงจะต่อเติมทำออฟฟิศเพิ่มน่ะครับ ที่ตึกนี้สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือทางด้านหน้า และด้านหลังตึก ซึ่งตัวผมเองก็ยังไม่เคยเข้าออกด้านหลังตึก หรือขึ้นชั้นบนตึกเลย ทุกวันทำงานเสร็จก็กลับ จนมาวันหนึ่ง ผมมีนัดกับแฟนจะไปเที่ยวกันหลังเลิกงาน แฟนผมมาหาที่โชว์รูม และเผอิญปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ผมจึงบอกไปว่าห้องน้ำอยู่ใต้บันไดหลังออฟฟิศ แฟนผมก็เดินไป สักพักอยู่ๆ แฟนผมก็วิ่งกลับมาทำหน้าตาตกใจ บอกผมว่า ‘เค้าได้ยินเสียงอะ!’ ผมถามกลับไปว่าเสียงอะไร? แฟนผมบอก

ได้รู้จักคำว่ากลัวจนขนแขนลุก

รูปภาพ
      เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เกิดขึ้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์นะคะ คือเราขับรถผ่านไปเห็นมีบ้านตึกแถว 2 ชั้นอยู่ติดกัน 7 ห้องบนถนนสายหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งห้องที่ 2 มีป้ายประกาศ ‘ขายด่วนราคาถูกมาก’ ติดอยู่ เราเห็นว่ายังดูใหม่ดูสวยดี เลยกลับไปบอกพี่สาวเรา ที่กำลังดูๆ บ้านใหม่อยู่ พี่สาวเราก็สนใจ เลยขอให้เราพาไปดูในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นหลังเลิกงาน เราก็จัดการโทรติดต่อเจ้าของบ้านตามที่จดมา ซึ่งเขาก็บอกว่าเป็นบ้านเปล่าไม่ได้ล็อค สามารถเปิดเข้าไปดูได้เลยตามสบาย พอวันต่อมาตอนเย็น พี่สาวเรากลับติดธุระ เลยบอกให้เราไปดูบ้านก่อน ตอนนั้นเวลาประมาณ 18:30 และเป็นช่วงฤดูหนาว ฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ บรรยากาศจะคล้ายที่คนเฒ่าคนแก่เรียกกันว่า ‘ช่วงผีตากผ้าอ้อม’ ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งของคนภาคอีสาน แต่เราเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องผี หรือวิญญาณสักเท่าไหร่ เราขับรถไปถึงบ้านหลังนั้นในเวลาที่เกือบจะมืดแล้ว เราก็รีบเข้าไปในบ้านทันที ลักษณะเป็นบ้านตึกแถวธรรมดา ชั้นล่างโล่งหมดไม่มีอะไรเลย พอขึ้นไปชั้นบน ทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ เราเดินสำรวจทุกห้องซึ่งก็เป็นห้องโล่งๆ จนกลับมาหยุดยืนที่หน้าห้องน้ำ ประตูเป

คืนที่ต้องอยู่คนเดียว

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วนะครับ สมัยผมย้ายเข้ามาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ผมก็ได้เช่าหอพักของมหาวิทยาลัยอยู่กับเพื่อน แต่หอพักนี้น่ะสิครับ มันเคยมีเรื่องที่เล่าต่อๆ กันมาว่า..‘เมื่อหลายปีก่อน ในคืนหนึ่งของช่วงวันหยุดยาว ซึ่งเด็กกลับบ้านที่ต่างจังหวัดกันเกือบหมดหอ มีนักศึกษาคนหนึ่งที่มีอาการทางประสาท และเครียดเรื่องเรียนจนคลุ้มคลั่ง ได้ลงมือทำร้ายรูมเมทอย่างทารุณจนเสียชีวิต ภายหลังมีผู้มาพบศพ สภาพศพคือบวมขึ้นอืด และถูกโกนผมจนเกลี้ยง นิ้วมือ นิ้วเท้าถูกตัดทิ้งจนหมด นำมากองไว้รอบศพ น่าสยดสยองมากๆ ทางมหาวิทยาลัยสั่งให้ปิดหอ ปิดเรื่องทุกอย่าง และนิมนต์พระมาสวดหลายครั้งหลายครา แต่ก็ยังคงมีเสียงร้องไห้ และเสียงกรีดร้องยามดึก ที่ไม่รู้จะปิดอย่างไร..’หลายปีผ่านไป หอพักนี้ก็กลับมาเปิดให้นักศึกษาเข้าพักอีกครั้ง ผมเลยได้มาเช่านี่ล่ะครับ อยู่มาหลายเดือน ก็มีข่าวลือเรื่องผีจากคนในหอให้ฟังอยู่เรื่อยๆ แต่ตัวผมเองก็ยังไม่เคยเจออะไรครับ จนกระทั่งมาถึงช่วงวันหยุดยาว ที่เด็กกลับบ้านเกือบหมดหอ คืนนั้นรูมเมทผมก็กลับต่างจังหวัดไปแล้วเช่นกัน ส่วนผมรอกลับในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นผมเลยต

รู้เป็นคนสุดท้าย

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยที่เราย้ายไปทำงานอยู่ในนิคมสมุทรสาครใหม่ๆ เราพักอยู่หอพักคนเดียวค่ะ แต่ก็ไม่ค่อยได้อยู่ห้องสักเท่าไหร่ เพราะเวลาส่วนใหญ่ต้องออกไปทำงานตลอด จะกลับห้องมาก็แค่อาบน้ำนอนเท่านั้น วันหนึ่งเราออกจากหอไปทำงานกะดึก ตอนออกมาก็เห็นคนมากันเต็มซอยเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรกัน แต่เราก็ไม่ได้สนใจเพราะต้องรีบเข้างานค่ะ หลังจากเลิกกะดึกมา ช่วงเช้าเราก็กลับเข้าห้องมานอนพัก แล้วเราก็ได้ยินเสียงกึกๆ กักๆ ดังมาจากชั้นบนของห้องเรา เหมือนมีคนลากของเดินไปเดินมาแล้วก็เงียบไป สักพักก็ดังใหม่ เป็นแบบนี้ 3-4 ครั้ง จนเรานอนไม่หลับ ต้องใส่หูฟังเปิดเพลงนอน พยายามข่มตาให้หลับเพราะเราต้องเปลี่ยนเข้ากะตอนบ่ายโมงอีกน่ะค่ะ ขณะที่เรากำลังจะหลับ ก็ต้องสะดุ้งตื่นอีก เพราะได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู เราลุกไปเปิดประตูก็เจอผู้หญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 20 ต้นๆ มาถามเราว่า ‘พี่คะได้ยินเสียงห้องข้างบนไหม? ทำอะไรกันไม่รู้ดังมาก หนูจะไปบอกป้าเจ้าของหอเค้าก็ไม่อยู่ ห้องอื่นๆ เค้าก็คล้องแม่กุญแจหน้าห้องกันหมด หนูเห็นห้องพี่ไม่ได้ล็อคข้างนอก หนูเลยจะมาชวนพี่ไปบอกเค้าให้เบาๆ เสียงหน่อยน่ะค่ะ..’ เราก็ค

บรัยยย

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนะครับ เมื่อสมัยเรียนปี 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว แม่บังคับให้เราอยู่หอใน ซึ่งหอในของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ 1 ห้องจะอยู่กัน 4 คน โดยในนั้นมีเพื่อนสนิทของเราอยู่ด้วย ในห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียง วางชิดกำแพงอยู่ตรงกันข้ามกัน เรานอนเตียงชั้นบน ส่วนเพื่อนสนิทเรานอนชั้นล่าง ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็จะเจอเรื่องแปลกๆ ตลอด จนรูมเมท 2 คนอยู่ไม่ได้ ต้องขอย้ายออกไป จากนั้นก็เหลือเรากับเพื่อนสนิทอยู่กัน 2 คน มีวันหนึ่ง เรากับเพื่อนกลับเข้ามาไม่ทันเวลาหอปิด เลยต้องขอไปนอนกับเพื่อนที่พักอยู่หอนอก ซึ่งก็แทบไม่ได้นอนกันค่ะ เพราะเม้าท์มอยกันยันเช้า พอเช้าเรากับเพื่อนก็รีบกลับหอใน ด้วยความเพลียเราเลยบอกเพื่อนว่า ‘กูขอตัวนอนก่อนนะ..’ เพื่อนก็บอก ‘เออ งั้นกูไปอาบน้ำก่อนละกัน’ เราก็ขึ้นนอนเตียงของเราชั้นบน และด้วยความกลัวอยู่แล้ว ทุกวันเราจะเปิดหน้าต่างนอนให้แสงสว่างของแดดมันส่องเข้ามาในห้องได้ และตอนกลางคืนก็จะเปิดไฟนอนตลอด จำได้เลยตอนนั้นเป็นเวลา 10 โมงเช้า เรากำลังเคลิ้มหลับไปได้ไม่ถึง 5 นาที ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาจับมือ เลยลืมตามาดู กลับเห็นว่าบรรยากาศภาย

เตือนให้ระวัง

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้วนะครับ มีอยู่วันหนึ่ง ผมและครอบครัวได้กลับไปบ้านของอาก๋งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากที่ไม่ได้กลับไปเป็นเวลานาน อาก๋งผมเป็นซินแสครับ ลักษณะบ้านจะเป็นบ้านชั้นเดียวมีพื้นที่กว้างขวาง มีโรงเก็บโกศ (เถ้ากระดูก) แยกออกมา พื้นที่บ้านรายล้อมไปด้วยสุสาน และต้นไม้ป่ารกชัฏ สมัยก่อนที่ตรงนี้คงราคาถูกอาก๋งผมเลยซื้อไว้ปลูกบ้าน ตัวผมเองปกติจะเป็นคนไม่กลัวผีนะครับ เนื่องจากอากาศในบ้านค่อนข้างร้อน คืนนั้นผมเลยออกมานั่งเล่นมือถืออยู่ที่ม้านั่งหินหน้าบ้าน ซึ่งจะอยู่ติดกับโรงเก็บโกศ ข้างๆ จะมีห้องน้ำห้องเล็กๆ อยู่ นึกถึงสภาพห้องน้ำต่างจังหวัดนะครับ พื้นเปียกๆ มีอ่างน้ำ มีขัน ตอนนั้นผมนั่งหันหลังให้ห้องน้ำ แล้วสักพักหนึ่งผมก็เริ่มปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำ แต่ได้ยินเสียงราดน้ำ เปิดประตู และเสียงคนเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมบอกผมว่า ‘อาเต้อ ห้องน้ำมันลื่นมากนะ ลื้อระวังๆ หน่อยนา..’ ผมจำได้ว่าเป็นเสียงลุงที่เฝ้าโรงเก็บโกศ ก็เลยตะโกนตอบกลับไปว่า ‘ครับลุง’ ก่อนที่ผมจะนั่งเล่นอีกสักพัก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ เช้าวันต่อมา ผมก็นั่งกินข้าวกับอาก๋ง พ่อแม่ และน้าสะใภ้ แต่ไม่เห็นลุงที่เฝ้