ของขวัญที่คุณย่าให้ไม่ได้


      เมื่อสมัยเด็ก เราอยู่กับย่ามาตลอด ย่าเคยบอกว่าไม่ชอบเด็กผู้หญิง แต่ด้วยความที่เราเป็นเด็กน่าสงสาร แม่ก็ไปอยู่ต่างจังหวัดตั้งแต่พ่อเสียเมื่อตอนเราอายุได้เพียงแค่ 2 ขวบเท่านั้น ย่าเลยต้องเป็นคนเลี้ยงดูเราตั้งแต่นั้นมา เราติดย่ามากๆ ย่าตามใจเรามากกว่าหลานคนอื่น รักมากกว่าคนอื่น จนคนในบ้านก็มีบ้างที่จะหมั้นไส้ โดยเฉพาะหลานชายคนเล็กในบ้าน ที่ชอบทะเลาะกับเราเป็นประจำ ซึ่งย่าก็มักจะเข้าข้างเราตลอด จนทำให้พ่อกับแม่ของหลานชายเราพาลไม่ชอบเราไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะมีย่าคอยปกป้อง ย่ามีโรคประจำตัวค่ะ คือโรคเบาหวาน ย่าเป็นแผลที่นิ้วโป้งเท้าข้างขวา ซึ่งป้าก็คอยทำแผลให้จนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่แล้ววันหนึ่งป้าก็เกิดทะเลาะกับย่า ก็มีน้อยใจกัน ป้าเลยไม่ได้มาทำแผลให้ย่าเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ทำให้แผลลามไปทั้งขา จนย่าเราเดินไม่ได้ ต้องทนเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นไม่บอกใคร ลุงมารู้เข้าเลยรีบพาย่าไปโรงพยาบาล ย่าเราอาการไม่ค่อยดี ต้องนอนให้น้ำเกลือ ให้อาหารทางสายยาง แต่ย่าก็จะกอดเราเสมอ บอกรักเราทุกวัน เราก็มาเฝ้าย่าทุกวัน มีวันหนึ่งย่าพูดกับเราว่า ‘วันเกิดนี้ ย่าจะกลับบ้านเป็นของขวัญวันเกิดหนูนะ..’ คือย่ากับเราเกิดวันเดียวกันค่ะ คือ 15 พฤศจิกายน แต่แล้ววันหนึ่งหมอมาบอกลุงกับป้าเราว่า จะต้องตัดขาขวาของย่าทิ้ง เพราะเบาหวานมันลามมาถึงหัวเข่าแล้ว..’ และพอย่ารู้ว่าตัวเองจะต้องถูกตัดขา ย่าก็ไม่ยอม คงจะทำใจไม่ได้น่ะค่ะ ป้าเลยบอกให้เราไปพูดให้กำลังใจย่าที คืนนั้นเราเลยตัดสินใจไปคุยกับย่าว่า ‘ย่ายอมตัดขาเถอะนะ ตอนนี้มันลามไปหมดแล้ว หนูอยากให้ย่าหายนะ ย่าจะได้กลับบ้านเป็นของขวัญให้หนูไง..’ ย่าก็ยิ้มทั้งน้ำตา และพยักหน้า สุดท้ายย่าก็ยอมค่ะ เช้าวันต่อมาหมอก็ทำการตัดขาย่าเรียบร้อย และใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ จน 3 วันต่อมา เราสังเกตุเห็นว่าย่ามักจะเหม่อลอย แล้วก็พยักหน้าบ้าง ส่ายหน้าบ้าง หรือร้องไห้บ้าง เป็นอย่างนี้ทุกวัน เราถามย่าว่าย่าเป็นอะไรหรือเปล่า? ย่าตอบว่า ‘เห็นคนตัวสูงใหญ่ ผิวดำๆ ใส่ชุดแดงมายืนอยู่ในห้องบ่อยๆ เขาจะมาพาย่าไป แต่ย่าไม่อยากไปกับเขา..’ แล้วย่าก็ร้องไห้ เราก็ได้แต่กอดย่าแล้วก็ร้องไห้เหมือนกัน เช้าวันที่ 15 พฤศจิกายน วันเกิดเราและย่า เราได้แต่นั่งรอย่ากลับบ้านตามสัญญา แต่วันนั้นเอง ขณะที่เราอยู่บ้านกับป้าและลุง มีโทรศัพท์จากญาติที่เฝ้าย่าอยู่ ว่าให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่ว. คือเราสังหรณ์ใจไม่ดียังไงไม่รู้ เพราะป้าทำท่ารีบร้อนมาก เหมือนคนกำลังร้องไห้ในใจ พอไปถึงที่โรงพยาบาล ภาพที่เห็นที่เตียงย่าคือเขาคลุมหน้าย่าแล้ว คือย่าเราเสียแล้วนั่นเอง เราร้องไห้ไม่ออก ได้แต่พูดในใจว่า ‘ไหนล่ะที่ย่าเคยพูด..’งานศพย่าผ่านไปด้วยดี จนคืนที่ 3 หลังจากงานจบกลับมาบ้าน เราก็เข้านอนทันทีด้วยความเพลีย กลางดึกคืนนั้นเราฝันว่าเห็นเงาดำเดินผ่านประตูห้องลุงมาหาเรา ในฝันก็กลัวนะ เพราะมันเหมือนจริงมากๆ สักพักเงานั้นก็มานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ เรา แล้วเกิดแรงกดจนเราสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่มันเหมือนอาการผีอำค่ะ เราขยับเขยื้อนไม่ได้ ตอนนั้นกลัวมากๆ เราเห็นเลยว่าเงานั้นโน้มก็เข้ามาทับเรา แต่แล้วแวบแรกเราก็รู้ทันทีว่านั่นคือย่า ย่ากอดเรานานมาก และแน่นมาก ความกลัวในตอนแรกนั้นหายไปหมดเลย กลายเป็นความรู้สึกคิดถึง อบอุ่น เราน้ำตาไหลอาบ 2 แก้มเลย หลังจากที่ไม่เคยร้องไห้เลยตั้งแต่ย่าเสีย เราพูดในใจกับเงานั้นว่า ‘ย่าไม่ต้องห่วงหนูนะ หนูอยู่ได้ หนูจะเข้มแข็ง..’ พอพูดจบ เหมือนเขาจะรับรู้ในสิ่งที่เราบอกเขา เท่านั้นล่ะหลุดเลยค่ะ ลุกมาเหงื่อท่วมเลย แต่ก็หลับไปต่อจนเช้า เราไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง เราก็บอกว่า ‘เมื่อคืนย่ามาลาหนูนะ’ พอพ่อของหลานชายได้ยิน ก็พูดแนวเหน็บแนมว่า ‘ลูกหลานมีเป็นสิบ แต่มาหาไอ้เฟิร์นคนเดียว..’ เราก็ไม่คิดอะไรมากหรอกค่ะ ก็ทำไม่เป็นอ่อนแอ เพราะสัญญากับย่าไว้แล้ว กลัวเขาห่วง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง