บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2020

รีบคลุมโปงท่องบทสวด

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเกือบ 20 ปีแล้วครับครับ ตอนนั้นผมเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 3 ซึ่งทางวิชาเอกของผมได้จัดทัศนศึกษาช่วงซัมเมอร์ไปที่จังหวัดชลบุรี และได้หาที่พักไว้ให้เป็นหอพักหญิงของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดดังกล่าว ตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมพอดีหอพักนี้เลยว่าง ลักษณะของหอพักนี้จะเป็นตึก 3 ชั้น แบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยจะมีฝั่งหนึ่งอยู่ติดกับตึกเรียนสูง 5-6 ชั้นเห็นจะได้ แต่ละห้องของหอพักหญิงนี้จะมีระเบียงเป็นราวเหล็กสูงระดับอกกั้นไว้ ถ้าออกไปยืนตรงระเบียงห้อง ก็จะเห็นตึกเรียนได้ชัดเจนตรงหน้าเลยทีเดียว พวกเราทั้งหมดก็เข้าพักกันที่นี่ เพื่อนๆ ผู้หญิงจะได้นอนอีกฝั่งหนึ่งที่ไม่ติดกับตึกเรียน ส่วนพวกผู้ชายก็จะมานอนฝั่งที่ติดกับตึกเรียน.. ผมกับเพื่อนรวม 4 คนนอนห้องรองสุดท้ายชั้น 2 ถ้ามองผ่านประตูห้องออกไปข้างนอก จะเห็นระเบียงด้านหน้าของหอพักชัดเจน มีหลอดไฟประดับหน้าระเบียงสวยงาม สภาพในห้องจะมีเตียงเดี่ยว 2 เตียง ถัดไปก็เป็นเตียง 2 ชั้น ผมเลือกนอนเตียงเดี่ยวเตียงที่ 2 ครับ พักที่นี่กันแค่ 2 คืน แต่แค่คืนแรกก็เจอเหตุการณ์เข้าแล้วล่ะครับ.. คืนนั้น ด้วยความเพลียจากการเล่นน้ำทะเลมาทั้งวัน เพ

ขนหัวขนตัวลุกชูชัน

รูปภาพ
      เมื่อช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา เรากับเพื่อนๆ อีก 4 คน (เพื่อนจากจังหวัดเดียวกัน) ได้นัดกันเดินทางจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับบ้านที่จังหวัดยโสธร แต่หมู่บ้านของเราเป็นบ้านป่า ซึ่งสงกรานต์จะไม่ครึกครื้นเท่าไหร่ ชาวบ้านเขาไม่ค่อยเล่นกัน บ้านเราจะอยู่ติดกับวัดเลย และอยู่ไม่ไกลจากเมรุอีกด้วยค่ะ กลุ่มเราจะเป็นพวกชอบสนุก ดังนั้นเพื่อนๆ ที่กลับมาด้วยกัน จึงแวะมาที่บ้านเรา และสังสรรค์กันอย่างเมามัน ใครกลับได้ก็กลับ ถ้ากลับไม่ไหวก็นอนที่บ้านเราไป เช้าค่อยว่ากัน..แต่การกลับมาบ้านที่ยโสธรของพวกเราในครั้งนี้ ไม่เหมือนที่ผ่านมา เพราะครั้งนี้ ดา เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเรา ไม่สามารถมาด้วยได้อีกแล้ว เพราะดาเสียแล้วค่ะ จมน้ำตอนเก็บดอกบัวเมื่อช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คือพวกเราที่อยู่กรุงเทพฯ รู้ก่อนแล้ว แต่ไม่ได้มาร่วมงานศพของดา เพราะต่างคนต่างยุ่งกับงาน และกำลังเก็บเงินเพื่อจะกลับมาบ้านช่วงสงกรานต์นี้ด้วย.. เรากับเพื่อนๆ ก็นั่งกินนั่งเล่นกันที่หน้าบ้านเราจนถึงดึก คือกำแพงบ้านเราจะติดกับวัดเลย ใช้กำแพงร่วมกันเลยค่ะ บรรยากาศบ้านนอกบ้านป่า ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบ อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อ

ขอบใจมาก

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นกับพี่สาว และพี่เขยของเราค่ะ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง คือพี่เขยเราชอบตกปลามาก เลยชวนพี่สาวเรา และเพื่อนๆ ไปตกปลากันที่ต่างอำเภอ อำเภอนั้นจะอยู่ติดกับทะเล ไม่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราชสักเท่าไหร่ ช่วงราวๆ 1 ทุ่มเศษ พี่เขยก็นัดกับเพื่อนๆ มาขึ้นรถกันที่บ้าน รถของพี่เขยเราจะเป็นรถกระบะมีแค็บ นั่งกันไปทั้งหมด 6 คน โดยที่ทุกคนนั่งอยู่ในรถกันหมด ไม่มีใครนั่งอยู่หลังกระบะเลย ส่วนที่หลังกระบะก็จะเอาอุปกรณ์ตกปลาใส่ไว้ เมื่อพร้อมก็ออกรถเดินทางกัน จนขับมาได้ระยะหนึ่ง ใกล้จะถึงอำเภอจุดหมาย ซึ่งแถวนั้นไม่ค่อยมีไฟถนนเลย จู่ๆ พี่เขยเราก็เห็นผู้หญิงแก่ๆ อ้วนๆ คนหนึ่ง ผมเผ้ารุงรัง ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ ผ้าถุงสีดำเดินอยู่ข้างทาง หิ้วของพะรุงพะรัง พี่เขยเราเลยตีไฟสูงใส่ พร้อมกับถามพี่สาว และเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันว่าเห็นเหมือนกันไหม? ทุกคนก็ตอบว่าเห็นเหมือนกัน พี่สาวเราเลยพูดขึ้นมาว่า ‘ค่ำป่านนี้แล้วแกจะไปไหน หิ้วของเต็มไม้เต็มมือไปหมด ลองจอดถามแกหน่อยว่าแกจะไปไหน..’ พอได้ยินอย่างนั้นพี่เขยเราก็จอดรถ โดยที่ไม่มีใครในรถแย้งเลยแม้แต่คนเดียว พอรถจอด

ตุงแดง

รูปภาพ
     เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก กำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง.. เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 4 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์ และหนังสือการ์ตูน พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊มแล้ว 2 ข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ.

หนีไม่พ้นสักที

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ผมอยู่จังหวัดขอนแก่นครับ คืนหนึ่งผมกับเพื่อนๆ รวมตัวกันขี่มอเตอร์ไซค์ออกเที่ยวกลางคืน สมาชิกมี ผม เพื่อนผู้ชาย 2 คน และผู้หญิงอีก 1 คน รวมเป็น 4 คน มอเตอร์ไซค์ 2 คัน.. พวกเรานั่งชิลกันตั้งแต่ 1 ทุ่มไปจนถึง 5 ทุ่มได้ พอได้เวลากลับ ภารกิจอย่างหนึ่งคือ พวกผมจะต้องขี่รถไปส่งเพื่อนผู้หญิงครับ บ้านเพื่อนคนนี้อยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร โดยผมจะซ้อนเพื่อนผู้ชาย ส่วนเพื่อนผู้หญิงจะซ้อนเพื่อนผมอีกคน ขาไปส่งก็นั่งกันครบไม่มีเบาะว่าง ขี่ไปเรื่อยจนใกล้จะถึงบ้านของเพื่อนผู้หญิง แต่ก่อนถึงมันจะต้องผ่านหน้าโรงเรียนครับ พอพวกผมขี่ผ่าน มันจะมีกลุ่มนักเลงวัยรุ่นนั่งกันอยู่เต็มไปหมด แล้วก็ตะโกนด่าพวกผม เหมือนจะหาเรื่อง พวกผมเลยรีบบิดหนี.. หลังจากส่งเพื่อนผู้หญิงเสร็จ พวกผมที่เหลือก็ตกลงกันว่าจะกลับอีกทางหนึ่ง เพื่อเลี่ยงกลุ่มนักเลงวัยรุ่นตรงหน้าโรงเรียน ซึ่งทางที่จะไปนี้เป็นทางลัด ไม่ค่อยมีไฟถนน ไม่มีบ้านคน เป็นถนนเปลี่ยวๆ ที่สามารถลัดไปออกถนนใหญ่ได้ พอตกลงกันเสร็จก็ออกเดินทาง ผมซ้อนกับเพื่อนเหมือนเดิม ส่วนรถเพื่อนอีกคันก็จะมีมันขี่คนเดียว ก็ขี่กลับกันตาม

กูได้ตัวแทนกูแล้ว 2 คนเลย

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วนะครับ ผมทำงานเป็นช่างพิมพ์ประจำกะอยู่แถวบางพลี จังหวัดสมุทรปราการครับ ผมเข้ากะดึก เข้า 1 ทุ่ม ถ้ารวมทำโอทีด้วยก็จะออกกะ 7 โมงครึ่ง.. วันนั้นเข้ากะไป ปรากฏว่าเครื่องที่ผมทำมันพัง ต้องรออะไหล่จากโรงกลึงตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หัวหน้าเลยให้ช่างพิมพ์เลิกโอที ซึ่งเป็นเวลาตี 3 ครึ่ง.. พอถึงเวลากลับ เพื่อนผมที่พักอยู่ที่เดียวกันมันเอามอเตอร์ไซค์มา ผมเลยขอซ้อนกลับด้วย ที่ที่ผมพักอยู่เรียกว่าแฟลตโครงการ 3 ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่เขามาทำถนนใหม่ เลยขี่มาช้าๆ มาถึงแฟลตโครงการ 2 กำลังจะพ้นแล้ว ก็ได้ยินเสียงคนร้องอยู่ในป่าหญ้าข้างทาง เพื่อนผมเลยจอดรถลงไปดู เห็นเป็นผู้ชายคนหนึ่งใส่ชุดโรงงานนั่งอยู่ หัวแตก เลือดนี่อาบเสื้อเลย แกนั่งจับแขนตัวเองบอกว่า ‘แขนท่าจะหัก..’ พวกผมเลยถามว่า ‘พี่ไปโดนอะไรมา?’ แกบอก ‘โดนรถบัสรับ-ส่งพนักงานชนกระเด็นมานี่แหละ..’ ผมถามว่า ‘แล้วรถบัสไปไหนละพี่?’ แกบอกมันขับหนีไปแล้ว..ระหว่างที่คุยกัน ผมหันไปเห็นรถสองแถวที่วิ่งออกมาจากแฟลตโครงการ 3 มาจอดอยู่ตรงถนนอีกฝั่งหนึ่ง แล้วลดกระจกลงมองดูพวกผม แล้วพี่คนเจ็บแกบอกให้พวกผมเข็นรถมอเตอร์ไซค์ของแกข้ามไปอีกฝ

รุ่นพี่ที่โรงเรียน

รูปภาพ
     เรื่องราวเกิดขึ้นตอนเราเรียน ม.4 ผ่านมานานหลายปีมากๆ แต่เหตุการณ์ในวันนั้นยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเลยค่ะ.. เราเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ตอนนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งมาชอบเรา ชื่อ พี่เกมส์ (นามสมมติ) พี่เค้าเรียนอยู่ชั้น ม.5 และเป็นคนขี้อายมากๆ ขนาดชอบเรายังไม่กล้ามาจีบเราซึ่งๆ หน้า และในสมัยนั้นก็ยังไม่มีเทคโนโลยีเหมือนสมัยนี้ พี่เค้าก็ใช้วิธีเขียนจดหมายสารภาพรัก แล้วเอาไปเสียบไว้ที่ประตูรั้วบ้านเรา แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่กล้าเข้ามาคุยกับเราตรงๆ สักที เจอกันก็ยิ้ม ก็เขินกันไปเขินกันมา เหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเราติดเพื่อน อยู่กับกลุ่มเพื่อนตลอดเวลา ไม่ค่อยได้อยู่คนเดียว ทำให้คนอื่นๆ เข้าถึงได้ยากล่ะมั้ง บริเวณโรงเรียนจะมีสนามบาส แล้วรอบๆ สนามบาสก็จะมีซุ้มให้นั่งอยู่หลายซุ้ม ซึ่งมันก็กลายเป็นที่สุมหัวเม้าท์มอยของแก๊งเรา ช่วงพักเที่ยง หลังเลิกเรียน ก็ต้องไปรวมกลุ่มกันอยู่ที่ซุ้มเป็นประจำ และในเมื่อพี่เกมส์ชอบเรา แน่นอนว่าพี่เค้าก็จะต้องชอบไปเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นั้นด้วยเหมือนกัน ซึ่งเราก็เห็นพี่เค้าทุกวันจนชิน เพื่อนๆ พี่เกมส์ก็จะแซวพี่เค้าทุกครั้งที่เราเด

รู้สึกเหมือนจะวูบ

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นหลายปีแล้วนะครับ ตอนนั้นผมกับเพื่อนได้บวช และปฎิบัติธรรมจนจะครบ 1 เดือน คืนสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันสึก หลวงตาพระลูกวัดท่านมาวานผมกับเพื่อนให้ไปช่วยขนเก้าอี้ ขนโต๊ะ และหนังสือมาเตรียมไว้ พรุ่งนี้จะมีพระมาบวชใหม่เกือบ 10 รูป ที่ท่านมาวานผมกับเพื่อน เพราะพระลูกวัดรูปอื่นรับกิจนิมนต์ไปงานศพกันหมด ท่านบอกว่า ‘ของทั้งหมดอยู่ชั้นบนของกุฏิข้างๆ โรงทาน ห้องข้างในสุดนะ..’ พอท่านเอากุญแจให้ ผมกับเพื่อนก็เดินไปที่กุฏินั้น เดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น 2 แล้วมองตรงไปจะเห็นห้องอยู่ 4 ห้องเรียงกัน แต่ทุกห้องคล้องแม่กุญแจไว้หมด ผมก็เดินไปห้องสุดท้ายที่เก็บของ แต่มาแปลกใจตรงห้องที่ 2 ที่มันมีผ้าสีเขียวโผล่มาจากใต้ประตู คือประตูห้องมันจะยกสูงจากพื้นประมาณ 4-5 นิ้วครับ.. ผมกับเพื่อนก็เดินข้ามไปไม่ได้คิดอะไร ขนเก้าอี้ ขนของต่างๆ ลงมา และทุกครั้งที่กลับขึ้นไป ผ้าสีเขียวที่โผล่ออกมามันจะยื่นออกมามากขึ้นเสมอ ประมาณ 2-3 นิ้ว จนรอบสุดท้ายที่ขนของกันเสร็จ เพื่อนผมที่เดินตามหลังมา มันเผลอไปเหยียบผ้าเขียวนั้นเข้า แล้วก็มีเสียงดังออกจากในห้องนั้น เป็นเสียงร้องว่า ‘โอ้ย’ ทีนี้เพื่อนผมมันเลยสงสัยว

คุณตาอึดอัด

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วนะครับ ตอนนั้นผมได้บวชเป็นพระ หลังจากที่กลับมาจำวัดแล้ว 1 สัปดาห์ ในวันอาทิตย์ตอนเย็นหลังจากทำวัตรเสร็จ พระที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสท่านบอกว่า ‘พรุ่งนี้ไม่ต้องไปบิณฑบาตรนะ มีกิจนิมนต์ไปบ้านหลังหนึ่ง เป็นงานศพ เขาสวดมาได้ 6 วันแล้ว วันพรุ่งนี้เป็นวันที่ 7’ วันรุ่งขึ้น ผมตื่นมาตี 4 หลังจากทำวัตรเสร็จเรียบร้อย ก็ขึ้นรถไปยังบ้านที่จัดงานศพ มีพระที่วัดไปทั้งหมด 5 รูป รวมผมกับเพื่อนด้วย.. พอไปถึงบ้าน ลักษณะเป็นบ้านไม้ตามต่างจังหวัดที่ยกใต้ถุนสูง ก็ขึ้นไปบนตัวบ้านเห็นโลงศพตั้งอยู่ และมีพวงหรีดตั้งไว้ พระก็ทยอยไปนั่งอยู่หน้าโลงเพื่อที่จะเตรียมทำการสวด แต่ระหว่างนั้น หลวงตาที่มาด้วยกันท่านอยากจะเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ข้างล่าง เลยต้องรอท่านก่อน ช่วงที่รอ ผมกับเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับโลงศพก็ได้ยินเสียงดัง ‘ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..’ เพื่อนผมมันหันมาหาทันที ถามว่า ‘ได้ยินไหม?’ ผมก็พยักหน้าตอบ ‘ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..’ เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มั่นใจเลยว่าดังมาจากในโลงแน่ๆ ละ ผมกับเพื่อนเลยขอตัวลงไปรอข้างล่าง ไปรอหลวงตาขึ้นมาพร้อมกัน.. พอลงไปข้างล่าง ก็ไปเจอคุณตาคนหนึ่งผอมๆ

พระใหม่เนื้อหอมบุญแรง

รูปภาพ
     เรื่องนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้วนะครับ ผมบวชเป็นพระใหม่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี วัดนี้เป็นวัดที่ทัวร์เกาหลี ญี่ปุ่นชอบมาบ่อยๆ ตอนที่ผมบวชนั้น บวชพร้อมกันกับเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง และก็มีมาจากบางละมุงอีกคนหนึ่ง รวมแล้วมีพระใหม่มาบวช 3 รูปครับ.. ตอนเช้าก็แห่นาคกันรอบโบสถ์ ซึ่งระหว่างนั้น ผมกับเพื่อนก็เห็นว่ามีผู้หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ที่นอกรั้วตรงท้ายวัด กำลังมองมาที่งานบวช ผมคิดในใจว่าญาติใครทำไมถึงไม่เข้ามา? จนเสร็จพิธีเป็นพระใหม่ พวกผมเดินออกมานอกโบสถ์ ก็เห็นผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ แต่คราวนี้เธอยกมือไหว้แล้วยิ้มให้ พวกผมก็ไม่ได้คิดอะไรนะ แต่พระพี่เลี้ยงที่กล่าวนำบทสวดเพื่อนผมบอกว่า ‘พวกท่านรู้ไหม? คนโบราณเขาว่า พระใหม่เนื้อหอม บุญแรงนะ..’ เพื่อนผมก็สะดุ้งหันไปถาม ‘เอ่อ..มีผีหรือครับ?’ พระพี่เลี้ยงท่านก็หัวเราะ พร้อมกับบอกว่า ‘โอ้ย..ไม่มีหรอก เราก็พูดให้ฟังเฉยๆ ไม่ได้พูดให้กลัว ถ้าพระใหม่เกิดกลัวจนปฏิบัติธรรมไม่ได้ เราน่ะจะติดอาบัติ..’ ได้ยินแบบนั้น พวกผมก็ค่อยโล่งใจ.. แล้วหลังจากนั้น เจ้าอาวาสท่านก็เรียกพระใหม่ให้เข้าไปพบ ท่านบอกว่า สำหรับ 3 คืนแรกนี้ ให้พวกผมไปนั่งปักกลดในป

วิ่งทะลุหน้าต่าง

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วครับ ผมเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษ เรื่องนี้ผมได้ฟังมาจาก พี่โจ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ เรียกว่าเจอแบบจังๆ เลย คือบ้านพี่โจแกจะอยู่อำเภอกันทรลักษร์ คนละอำเภอกับบ้านผม พี่โจเล่าให้ฟังว่า เมื่อประมาณเกือบ 10 ปีก่อน วัยกำลังคึกคะนองเลย สมัยนั้นพี่โจแกจะเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไร เลยมักจะซน หาเรื่องพิสูจน์ท้าทายไปทั่ว และในตัวอำเภอนั้น ตรงแถวบ้านแกจะมีบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง ถูกปล่อยทิ้งร้างมาหลายปี ไม่มีใครสนใจคิดจะเข้าไปในบ้านหลังนั้นเลย ข้างนอกมีต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด ด้วยความอยากรู้อยากเห็น วันหนึ่งพี่โจเลยชวนเพื่อนคนนึงไปดู ว่าจะมีอะไรข้างในบ้าน ช่วงบ่ายวันนั้นก็เลยพากันไปที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ก็ต้องทุลักทุเลเข้าทางหน้าต่างครับ เพราะประตูรอบๆ ถูกปิดตายหมด.. ภายในบ้านจะเหมือนกับบ้านคนเก่าคนแก่สมัยก่อน มีของใช้ถ้วยชามเป็นกระเบื้องเก่าแก่โบราณ พวกตู้ เตียง โซฟา ก็ยังอยู่ครบ คือของทุกอย่างยังวางไว้ราวกับว่ามีคนอยู่ เพียงแต่มีฝุ่นจับเท่านั้น.. เดินดูชั้นล่างเสร็จ ก็ขึ้นไปชั้น 2 ต่อ แต่พี่โจกลับต้องวิ่งตาตั้งลงมาทันที เพราะขึ้นไปเจอตุ๊ก

นอนโรงพยาบาลครั้งแรก

รูปภาพ
     เมื่อสักประมาณ 7-8 ปีก่อน ผมได้เข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวลาดกระบัง เนื่องจากผมเป็นไมเกรนหนักมากๆ ปวดหัวจนจะระเบิดออกมา หมอเลยบอกให้ผมนอนค้างเพื่อดูอาการสักคืน คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญ พระจันทร์ส่องแสงสว่าง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะตรงกับวันพระใหญ่ด้วย ผมได้นอนอยู่ห้องรวมแผนกอายุรกรรมชาย ชั้น 5 เตียงหมายเลข 26 ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่าง อีกข้างเป็นลุงคนหนึ่งนอนอยู่ แลดูอาการแย่ๆ มีสายอะไรเยอะแยะเต็มตัวไปหมด และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมนอนโรงพยาบาลด้วยครับ ผมปวดหัวจนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ และตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ มีนางพยาบาล 2-3 คนนั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ ผมก็หันไปมอง ก่อนจะเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ.. ผมเลือกเข้าไปนั่งห้องแรกครับ ทุกอย่างเงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่เลย ผมนั่งเล่นมือถือไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงคนเดินลากขาเข้ามา ค่อยๆ เดินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่หน้าห้องผม ผมก็มองผ่านช่องใต้ประตู คิดในใจ ‘ใครวะมายืน?’ คือเห็นแค่ข้อเท้าเหี่ยวๆ น่าจะเป็นคนแก่อายุราวๆ 60-70 ปี แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร นั่งเล่นมือถือต่อไปเรื่อยๆ พอก้มลงดูอีกที ก็ยังเห็นเขายืนอยู่เหมือนเดิม.. ผมก็เริ่มสงสัยละว่าใครวะ? แต่ในใจตอ

วิ่งเข้าบ้านแทบไม่ทัน

รูปภาพ
     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยเรายังอยู่ ม.3 ที่จังหวัดภูเก็ตค่ะ ตอนนั้นพ่อแม่เราเช่าบ้านอยู่ตรงสามแยกพอดี ซึ่งคนส่วนมากมักจะเรียกกันว่าทางสามแพร่ง เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง วันเว้น 2 วันเลยก็ว่าได้.. บ้านเราจะอยู่ตรงกลางระหว่างแยกพอดี คือถ้ามีรถเบรกแตกเลี้ยวไม่ทัน ก็จะพุ่งตรงเข้าบ้านเราได้เลย บางคืนต้องตื่นกันกลางดึกเพราะเสียงโครมจากรถกระบะที่พลิกคว่ำก็มี  คืนหนึ่ง เราก็นั่งรอรุ่นน้องที่จะมาเล่นกีต้าร์กันที่บ้านเรา โดยเรานั่งรออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน แต่รอจน 4 ทุ่มก็แล้ว รุ่นน้องเขาก็ยังไม่มาสักที บ้านอื่นๆ ก็เข้าบ้านปิดไฟกันเงียบหมดแล้ว ไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปมา เราเลยตัดสินใจเดินเข้าบ้านไม่รอแล้ว.. แต่พอจะเดินเข้าบ้าน ก็มีผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งเดินมาหยุดที่รั้วหน้าบ้านเราพอดี ไอ้เราก็นึกว่าจะมาถามทาง เลยเดินออกไปหาเผื่อจะช่วยอะไรเขาได้ (คือปกติจะมีนักท่องเที่ยวแวะผ่านมาถามทางบ่อยๆ) พอเราเดินไปถึงรั้วบ้าน ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เราก็เห็นเลือดค่อยๆ ไหลลงมาจากศีรษะของผู้ชายฝรั่งคนนั้น วินาทีนั้นเราคิดแค่ว่าเขาคงรถล้ม และมาขอความช่วยเหลือ เรากำลังจะตะโกนเรียกให้พ่อออกมา แต่เลือดของผู้ช

ตายเพราะเมา

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วนะคะ เราได้ฟังเรื่องนี้มาจากแม่อีกทีค่ะ พอดีแม่เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม คือที่มหาวิทยาลัยดังกล่าวจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ เป็นสระขุดของมหาวิทยาลัย มีสะพานข้าม และมีกังหันสำหรับบำบัดน้ำเสีย คืนหนึ่ง มีกลุ่มเด็กนักศึกษาปริญญาตรีจบใหม่ประมาณ 4-5 คน มานั่งกินเหล้ากันตรงข้างๆ สระน้ำ คือตรงข้างสระน้ำมันจะมีซุ้มคล้ายๆ ศาลา แบบว่าให้ไปนั่งเล่นพักผ่อนรับลมได้ ด้วยความที่นั่งกินไปสักพักหนึ่ง คงเพราะความเมาด้วยล่ะค่ะ ก็มีนักศึกษาคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นมาว่า ‘นี่กูก็เรียนจบละ เรียนที่นี่มา 4 ปี ยังไม่เคยได้ว่ายน้ำที่สระนี้เลย เดี๋ยวกูจะว่ายไปกลับสักรอบ..’ ว่าแล้วก็ถอดชุด และกระโดดลงน้ำไปเลย.. เท่าที่ได้ฟัง นักศึกษาคนที่กระโดดลงไปนั้นเป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วยนะคะ..ว่ายขาไปก็ไม่มีอะไร แต่พอขากลับ อยู่ๆ นักศึกษาคนนั้นก็โบกไม้โบกมือขอความช่วยเหลือจากกลางสระ ก่อนจะจมหายไป เพื่อนๆ ก็นึกว่าแกล้ง เพราะเป็นถึงระดับนักกีฬา แต่พอผ่านไปสักพัก ก็ไม่เห็นนักศึกษาคนนั้นขึ้นมา เพื่อนๆ เลยตกใจรีบลงไปช่วยกันหา แต่หายังไงก็หาไม่เจอ เวลาผ่านไปนานเข้า เหตุการณ์ชักจะ

หอพักเก่าราคาถูก

รูปภาพ
      ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน มีช่วงหนึ่ง เราย้ายไปอยู่หอกับพี่สาวย่านฝังธนฯ หอพี่สาวจะอยู่หลังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อยู่ในซอยเล็กๆ ลักษณะเป็นตึก 4 ชั้น ห้องก็ขนาดเล็กๆ ถูกๆ ช่วงแรกที่เข้าไปอยู่ มีคนพักเกือบทุกห้อง จนถึงช่วงพี่สาวเรียนจบกลับไปอยู่บ้าน ห้องอื่นๆ ก็ย้ายออกกันเกือบหมดเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่เป็นนักศึกษารุ่นเดียวกันที่เรียนจบไป..พอพี่สาวเราย้ายกลับไปอยู่บ้าน เราก็พาแฟนมาอยู่ที่หอด้วย วันหนึ่งแฟนเราไม่อยู่เราก็เลยต้องนอนคนเดียว คืนนั้นเอง เรายังนอนไม่ทันหลับ ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันได ‘ตึงๆๆ’ เพราะเป็นบันไดไม้เสียงมันเลยดังชัดเจน ทีแรกก็นึกว่าเป็นห้องข้างๆ ที่ชอบเดินเสียงดัง เปิด-ปิดประตูเสียงดัง แต่พอฟังดีๆ มันไม่ใช่ค่ะ เพราะเสียงนั้นมันมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเรา พร้อมกับบิดลูกบิดประตูแรงๆ แล้วส่งเสียงขู่เหมือนหมาที่กำลังจ้องเหยื่อประมาณนั้นเลย เราก็นอนฟังอยู่ แต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน เราพอจะรู้แหละว่าไม่ใช่หมา และก็คงไม่ใช่คนแน่ๆ เพราะทั้งตึกไม่มีใครเลี้ยงหมาอยู่แล้ว เราก็ด่าในใจไปว่า ‘มึงเข้ามาไม่ได้หรอก กูไม่กลัวมึงหรอก กลับไปซะ!’ สักพักเสียงนั้นก็หายไป จนวัน

ขอบคุณที่คอยเฝ้าห้องให้พี่ทุกวันนะ

รูปภาพ
     เมื่อช่วงหลายปีก่อน แฟนผมได้ย้ายไปทำงานแถวถนนพระประแดง-สุขสวัสดิ์ชั่วคราว ผมจึงต้องย้ายไปพักกับแฟนด้วยเป็นเวลา 1 เดือนครับ ผมกับแฟนตัดสินใจจองห้องพักเป็นอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง มีทั้งหมด 7 ชั้น ผมได้ห้องพักอยู่ชั้น 4 ครับ เช้าวันต่อมา ผมกับแฟนได้ขนของเข้ามาเก็บในห้อง ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านในฝั่งซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ฝั่งขวาเป็นระเบียง โดยระเบียงจะติดกันกับระเบียงของห้องข้างๆ พอดี พอเก็บของเสร็จ พวกเราก็จะออกไปหาข้าวกินกันข้างนอก ตอนออกจากห้องมา ผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังไขกุญแจเข้าห้องข้างๆ พอดี ผมเลยไปแนะนำตัวกับเขา เผื่อว่ามีปัญหาอะไรจะได้ปรึกษาขอความช่วยเหลือกันง่ายหน่อย ผู้ชายคนนั้นชื่อ พี่ท้อป (นามสมมติ) ครับ พี่ท้อปจะออกไปทำงานช่วงดึก แล้วกลับห้องมาตอนเช้าครับ ทุกๆ วันเวลาแฟนผมกลับมาจากที่ทำงานตอนกลางคืน ผมก็มักจะเห็นพี่ท้อปออกมายืนสูบบุหรี่ที่นอกระเบียงห้องของเขา แล้วก็ทักผมตลอดว่า ‘พี่จะไปทำงานแล้ว ฝากดูห้องให้พี่ด้วยล่ะ..’ ผมก็ตอบตกลงเสมอ เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ จนพักหลังๆ ผมก็ไม่ค่อยเห็นพี่ท้อปออกมาสูบบุหรี่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าพี่

ขอกินน้ำหน่อย

รูปภาพ
     เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงสงกรานต์ ผมได้พาแฟนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในภาคอีสาน เราเดินทางจากกรุงเทพฯ แต่เช้าตรู่ จนถึงที่หมายในช่วงหัวค่ำ ด้วยความที่เดินทางมาเหนื่อย พอไปถึงบ้านเราก็กินข้าวกินปลา อาบน้ำเข้านอนเลย เหตุการณ์ก็ดูปกติเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา จนเช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นแต่เช้า เก็บข้าวของที่ขนมาจากกรุงเทพฯ จากนั้นก็มานั่งกินข้าวที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะม่วงใกล้ๆ ซึ่งด้านหลังแคร่จะมีบ่อน้ำ และถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นป่าช้าเก่า ซึ่งปัจจุบันมีต้นไม้ขึ้นรกเต็มไปหมด ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่กลัวผี จึงไม่ได้คิดอะไร ก็นั่งเล่นตามปกติ.. หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็เผลอหลับไปบนแคร่นั้น จังหวะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น จู่ๆ ผมก็เห็นชายแก่ ผมขาว เคราขาวยาวรุงรัง ไม่ใส่เสื้อ นุ่งโจงกระเบนลายผ้าขาวม้า มาหยุดยืนที่ปลายเท้าของผมพร้อมกับหญิงวัยกลางคน และเด็กผู้หญิง พร้อมกับพูดขึ้นว่า ‘ขอน้ำกินหน่อย..’ ตอนนั้นผมขยับตัวไม่ได้ จะเปล่งเสียง เสียงก็ไม่ออก อาการเหมือนโดนผีอำ ผมทำได้แค่กรอกตาไปมาพร้อมกับพูดในใจว่า ‘ที่นี่ไม่ใช่บ้านผม ถ้าจะขอต้องไปขอกับแม่แฟนผม ที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ไม่ไกลกันมาก.

แรงเฮือกสุดท้ายของชีวิต

รูปภาพ
     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว เป็นวันก่อนจะถึงวันพระใหญ่ ต้องขอท้าวความก่อนว่า ผมกับแฟนได้ไปเรียนที่ปัญญาภิวัฒน์ แล้วระหว่างที่รอมหาวิทยาลัยเปิด เรา 2 คนเลยไปหาหอพักที่เดินทางสะดวกไม่ยุ่งยาก แล้วก็ไปได้หอพักแห่งหนึ่งแถวเมืองทองครับ พอผมกับแฟนได้เข้าไปดูภายในห้อง เราทั้งคู่ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลย เพราะห้องค่อนข้างโอเคเทียบกับราคา..แล้วพอถึงวันเปิดเรียน ผมกับแฟนไม่ได้เรียนสาขาเดียวกันนะครับ เวลาเรียนเลยไม่ตรงกัน ทำให้บางทีต้องมีผลัดกันไปผลัดกันมา.. มีวันหนึ่งที่ผมอยู่ห้องคนเดียว กำลังนอนหลับอยู่ จู่ๆ เก้าอี้ทำงานก็ล้มลงพื้นเสียงดัง ‘ตึงงง’ ผมเลยตื่นมาด้วยความงงๆ ว่าเก้าอี้ตั้งหนัก มันจะล้มเองได้ยังไง? พอแฟนกลับห้องมาผมเลยรีบบอกแฟนว่า ‘เธอๆ เมื่อกี้อยู่ๆ เก้าอี้มันก็ล้มเอง..’ พอแฟนได้ยินก็ทำตาโต แล้วบอกว่า ‘ตอนอยู่คนเดียว เค้าก็เคยได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้ไปมาในห้อง..’ ช่วงนั้นพวกเรารู้สึกใจไม่ค่อยดีเลยครับ แต่ด้วยความที่เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นาน และเสียค่ามัดจำไปล่วงหน้าหลายเดือน เลยต้องอยู่ต่อไป แล้วคืนก่อนวันพระใหญ่ 1 วัน ช่วงเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืน ผมกับแฟนก็ต้องสะดุ้งตื่น

เจ้ากรรมนายเวรคู่อริ

รูปภาพ
     เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ประสบกับตัวผมเองหรอกนะคับ แต่เป็นเรื่องที่คนข้างบ้านเขามาเล่าให้ฟังอีกที ซึ่งผมก็เคยได้ยินเรื่องนี้จากปากคนในหมู่บ้านหลายๆ คน ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเหมือนกัน ย้อนไปเกือบ 20 ปีก่อน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในชนบท วันนั้นเป็นวันที่มีงานศพของคุณตาท่านหนึ่งในหมู่บ้าน งานก็จัดขึ้นง่ายๆ ที่บ้านนั่นล่ะครับ และในเย็นวันนั้นที่งานศพใกล้จะจบแล้ว เหลือแค่รอทำบุญตักบาตรในวันรุ่งขึ้น หมอดูท่านหนึ่งที่เป็นร่างทรงได้บอกกับลูกหลานของคุณตาท่านว่า ‘ให้เฝ้าดูลูกชายของคุณตาแกให้ดี ไม่งั้นเขาจะมาเอาไปแน่..’ แต่หมอดูไม่ได้บอกนะครับว่าใครที่ไหนจะมาเอาไป ทุกคนต่างก็ทั้งงง ทั้งตกใจที่หมอดูแกทักแบบนั้น ในคืนนั้นก็เลยให้ผู้ชายในหมู่บ้านประมาณ 4-5 คนมานอนเฝ้า น้าเอ๋ (ลูกชายของคุณตาท่านนี้) ที่บ้าน พอนอนกันไปได้สักพัก อยู่ๆ น้าเอ๋ก็ตื่นขึ้นมา สายตาแกแข็งกระด้างเหมือนไม่ใช่ตัวแกครับ ทุกคนที่มานอนเฝ้าต่างลุกขึ้นพร้อมกัน พยายามจะจับแกไว้ แต่น้าเอ๋ก็ไว คว้ามีดอีโต้ได้ก่อน แล้วเอามีดอีโต้ชี้หน้าทุกคนพร้อมกับพูดว่า ‘ถ้าใครเข้ามา กูฟันจริงๆ นะ..’ ทุกคนรู้ว่าการที่น้าเอ๋มีอาการแบบนี้ ม

เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมง

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนะครับ บ้านผมเป็นหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี มีทางรถไฟผ่านกลางหมู่บ้านเลย หมู่บ้านข้างๆ ก็เช่นกัน และเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ มันเกิดขึ้นที่หมู่บ้านข้างๆ ครับ.. คือครอบครัวหนึ่ง มีตา ยาย และหลานชาย อายุประมาณสัก 5-6 ขวบ ทุกๆ วัน ตาจะขี่รถพาหลานชายไปส่งไว้ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของ อบต. แล้วตอนเย็นก็ไปรับกลับบ้านตามปกติ โดยจะต้องผ่านทางรถไฟสายนี้เสมอ และทางรถไฟสายนี้ก็เคยมีอุบัติเหตุให้ถึงแก่ชีวิตบ่อยครั้ง มีอยู่วันหนึ่ง ตาแกรู้สึกกระวนกระวายใจ เอาแต่บ่นอยู่คนเดียวว่า ‘เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมง’ แกบ่นอยู่อย่างนั้นจนยายก็รู้สึกแปลกใจ เพราะปกติก็ไม่ได้เคยจะขึ้นรถไฟไปไหน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร.. จนสักประมาณบ่าย 2 โมงกว่าๆ ตาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้าน มุ่งตรงไปรับหลานชายที่ศูนย์ฯ ซึ่งต้องข้ามทางรถไฟ ก่อนไปแกก็บ่นๆ ประโยคเดิมตลอดว่า ‘เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมง’ ยายรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ห้ามไม่ทัน.. พอไปถึงศูนย์ฯ ตาก็รบเร้าครูผู้ดูแลเด็ก จะพาหลานกลับบ้านให้ได้ โดยบอกกับครูว่า ‘เดี๋ยวไม่ทันรถไฟเที่ยวบ่าย 3 โมง’ ครูห้ามยังไงตาแกก็ไม

ผีซ้อนท้ายจะตามกลับ

รูปภาพ
     เรื่องเกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วนะคะ ตอนเราอยู่ปี 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ เราเป็นลีดคณะ ต้องโชว์ในวันงานกีฬาของมหาวิทยาลัย ลีดมีกัน 15 คน และมีรุ่นพี่คุมซ้อม 1 คน ปกติพวกเราจะซ้อมกันที่ตึกคณะในช่วงเริ่มต้นต่อท่ากัน พอเริ่มเข้าช่วงที่ต้องต่อตัว หรือมีท่ายากๆ ก็จะเปลี่ยนที่ซ้อมไปเป็นสนามของมหาวิทยาลัย มีช่วงหนึ่ง รุ่นพี่ผู้ชายที่คุมซ้อมเขารับงานเสริม ไปสอนลีดให้โรงเรียนรองประจำจังหวัด พวกเราก็เลยต้องย้ายตามไปซ้อมกันที่โรงเรียนที่ว่า และช่วงเวลาในการซ้อมของพวกเรา ก็จะกลายเป็นช่วงค่ำไปจนถึงดึก บางทีกลับตี 1 ตี 2 ก็มี แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นที่โรงเรียนนี้นี่ล่ะค่ะ พวกเราต้องไปซ้อมกันที่โรงเรียนดังกล่าวหลายวัน จนกว่าน้องๆ ของโรงเรียนนั้นจะได้แสดงจริงในวันกีฬาสี.. คืนหนึ่งที่เราไปซ้อมเป็นคืนวันโกน เวลาประมาณเกือบๆ เที่ยงคืนได้ ช่วงที่กำลังพักจากการซ้อม พวกเราก็จะเอาลูกวอลเล่บอลมาตีเล่นกันตรงสนามที่ซ้อม เล่นกันจนหิวน้ำ เลยเดินมาที่สแตนเชียร์ที่พวกเราวางของกันไว้ แล้วเราก็ไปเห็นเพื่อนเราคนหนึ่งชื่ออ้อยกำลังนั่งอยู่ แต่นั่งหันหลังให้สนาม และเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสวดมนต์พ

ไม่มีใครสนใจกูเลย

รูปภาพ
      เรื่องที่ผมจะเล่านี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ ตอนนั้นผมกลับไปบ้านย่าที่ต่างจังหวัด ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ปู่เพิ่งเสียได้ประมาณ 3 เดือน บ้านย่าผมจะเป็นร้านขายของนะครับ วันนั้นผมก็นั่งเฝ้าร้านคุยกับย่าไปเรื่อยจนเที่ยง อากาศช่วงนั้นร้อนมากๆ นั่งตากพัดลมกัน 2 คน จู่ๆ ย่าก็ถามผมว่า ‘มึงหนาวไหม?’ ผมมองหน้าย่าด้วยความงง และตอบย่าไปว่า ‘หนาวอะไรย่า ร้อนจนเหงื่อท่วมแล้วเนี่ย..’ แต่ย่ากลับบอกว่า ‘กูหนาวจังเลย..’ ผมเลยหันพัดลมมาทางผมคนเดียว ย่าก็ยังคงพูดว่า ‘กูหนาว..เอาผ้าห่มมาให้กูหน่อย’ ผมก็เดินไปเอาผ้าห่มมาให้ย่าห่ม พอห่มผ้าแล้ว ผมสังเกตว่าย่ายังตัวสั่นอยู่ ก็คิดในใจว่าย่าไม่สบายหรือเปล่า? จนย่าบอกผมว่า ‘กูไม่ไหวละ กูหนาว มึงนั่งเฝ้าหน้าร้านให้กูหน่อยนะ’ ผมก็ตอบตกลง โดยบอกให้ย่ารีบเข้าห้องไปนอน เดี๋ยวผมเฝ้าร้านให้เอง หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง น้องชายผมก็กลับมาจากโรงเรียน น้องถามผมว่าย่าไปไหน? ผมก็ตอบไปว่าย่าเข้าห้องนอนไปแล้ว และตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินย่าทำเสียงโอดโอย ก็คิดในใจว่า ‘เอาแล้วไง ย่าเป็นอะไรวะ?’ เริ่มใจไม่ดี เลยชวนน้องเข้าไปดูย่า พอเข้าไปย่าบอกว่า ‘เดียร์ๆ มึงขึ้นมานอนทับกูหน่อย กูห

กูเกลียดมึง!

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เราเป็นคนเชียงใหม่นะคะ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนเราอยู่ ม.4 ตอนนั้นเราอายุ 15 ค่ะ เคยได้ยินมาว่า มันเป็นช่วงอายุที่จะเจอเรื่องแปลกๆ คล้ายกับตอนอายุ 25 (เบญจเพส) แต่อาจจะเบากว่ามั้งนะ ไม่แน่ใจ.. ที่จำได้คือ พออายุย่างเข้า 15 เรามักจะโดนเหมือนกับผีอำแทบทุกคืนเลย ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ พอวันเวลาผ่านไป เหมือนมันจะยิ่งหนักขึ้นๆ เรื่อยๆ แต่เราก็ไม่ได้คิดจะไปบอกพ่อแม่ว่าเรากำลังเป็นแบบนี้อยู่ เพราะช่วงนั้นพ่อกับแม่ค่อนข้างยุ่งๆ เรื่องงานด้วยแหละ แต่แล้ววันหนึ่งมันก็มาถึงจุดที่หนักเอามากๆ ค่ะ วันนั้นเวลาประมาณตี 5 หรือ 6 โมงเช้านี่ล่ะ ฟ้ายังไม่สว่างดี เรานอนหลับอยู่ในห้องตามปกติ วันนั้นเป็นวันที่แม่เราเดินเข้ามาในห้องเพื่อหาของอะไรสักอย่าง แม่ก็เปิดไฟหาของ ทำเสียงดัง เลยทำให้เราตื่น เราก็มองไปที่แม่ คือตอนนั้นเรานอนตะแคงอยู่ขอบเตียง หันหลังให้กำแพง หน้าเราจะอยู่ที่ขอบเตียงพอดี.. ระหว่างที่กำลังมองแม่เราก้มๆ เงยๆ หาของอยู่นั้น เราก็ถูกผีอำเฉยเลยค่ะ ตอนนั้นคือคิดในใจว่าแบบ ‘เห้ย! เอายังงี้เลยเหรอ นี่ขนาดแม่อยู่นะเนี

"ไหนวะ" เสร็จแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วนะครับ ผมได้ไปงานคืนสู่เหย้าของโรงเรียนเก่ามาครับ พอได้เจอเพื่อน ได้คุยเรื่องเก่าๆ สมัยเรียนกัน มันเลยทำให้ผมนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา เป็นเรื่องที่นึกถึงทีไรก็ทำเอาขนลุกได้ทุกทีเลยล่ะครับ.. ย้อนไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ผมเรียนอยู่ชั้น ม.6 ของโรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ จำได้ว่าเป็นช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ครับ วันนั้นเป็นวันที่ผมกับเพื่อนๆ อีก 3 คน เป็นเวรทำความสะอาดห้องเรียน และวันนั้นวิชาสุดท้ายเป็นวิชาพละ เพื่อนในห้องที่เหลือก็จะหอบกระเป๋าลงไปเรียน แล้วก็กลับบ้านเลย จะมีก็แต่พวกผมที่จะต้องกลับขึ้นไปทำความสะอาดห้องเรียนกันต่อ เวลาตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็นครับ และเนื่องจากเป็นภาคเรียนที่ 2 เข้าหน้าหนาวพอดี ท้องฟ้าจะมืดไวกว่าปกติครับ พวกผมทำความสะอาดห้องเรียนกันไปจนเสร็จ ก็ราวๆ 6 โมงเย็น เพื่อนผมคนหนึ่งในนั้นชื่อ ไอ้จืด อยู่ๆ มันก็นึกสนุกอยากเล่นอะไรพิเรนๆ ขึ้นมา ผม และเพื่อนที่เหลือจึงต้องจำใจเล่นด้วย เพราะต้องอาศัยติดรถมันกลับบ้าน แต่ผมก็พูดขึ้นมาก่อนเลยว่า ‘ถ้าเล่นผีถ้วยแก้ว กูไม่เล่นนะ..’ ที่ผมพูดไปตอนนั้นไม่ใช่เพราะผมกลัว แต่ผมคิดว่าเล่นไ

รถคันนี้เต็มแล้ว

รูปภาพ
     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เป็นช่วงเวลาไม่นานหลังจากที่มีข่าวไฟไหม้รถทัวร์ บริเวณหน้าฟาร์มโคนม ถนนมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี มีผู้เสียชีวิตมากถึง 29 ศพ และบ้านป้าของเราก็อยู่แถวๆ นั้นเองค่ะ.. วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันหยุดของพ่อเรา พ่อก็นัดกับอาเพื่อที่จะไปเยี่ยมป้ากัน โดยขับรถยนต์ส่วนตัวไป ก็จะมีพ่อเป็นคนขับ แม่นั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนอากับเรานั่งหลัง ไปกันแต่เช้า อยู่บ้านป้าทั้งวัน กว่าจะกลับออกมากันก็เกือบทุ่มแล้วค่ะ ช่วงนั้นฟ้ามืดแล้ว คนที่เคยไปมวกเหล็กจะทราบดี ว่าจะต้องลอดใต้สะพานเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปสระบุรี พอลอดใต้สะพานแล้ว จะเห็นศาลารอรถทัวร์ ที่จะอยู่หน้าโรงพยาบาล ขับมาอีกหน่อยก็จะถึงหน้าฟาร์มโคนม ตรงที่เกิดเหตุ และตรงนั้นจะมืดมากๆ เพราะไม่มีไฟ.. พ่อเราขับช้าๆ เพื่อที่จะเบี่ยงเข้าเลนทางหลัก ระหว่างนั้นไฟหน้ารถก็สาดให้เห็นข้างทางพอดี แค่แว๊บเดียวเท่านั้นค่ะ เราเห็นกลุ่มคนยืนอยู่ 4-5 คน กำลังโบกรถอยู่ เห็นชัดขนาดที่ว่ามีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงนั้นใส่เสื้อสีน้ำเงิน มีเด็กมาด้วย แต่ที่แปลกคือ เรามองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาเลย มันมัวๆ แปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก.. เร