บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2019

ไม่กล้าหันไปมอง

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นเรากำลังจบชั้น ม.ต้น เราไปเข้าค่ายที่หัวหินค่ะ ที่พักเป็นอาคาร 3 ชั้น มีดาดฟ้าข้างบน อยู่ติดชายหาดเลย พวกเราได้อยู่ชั้น 3 ค่ะ มีกิจกรรมมากมายที่ทางโรงเรียนจัดให้ และได้เล่นน้ำด้วย วันแรกผ่านไปก็ปกติดีไม่มีอะไร แต่พอคืนที่ 2 กลุ่มของเรา 4 คนนอนไม่หลับกัน ยังนั่งจับกลุ่มคุยกันจนดึก ดูนาฬิกาก็ 5 ทุ่มกว่าแล้ว อยู่ๆ เพื่อนเราคนหนึ่งก็เสนอความคิดว่า ‘ขึ้นไปเล่นบนดาดฟ้ากันดีกว่า คืนเดือนหงายด้วย สว่างดี’ พวกเราก็ไม่รู้ยังไงเห็นดีเห็นงามกันหมด พอขึ้นมาถึงดาดฟ้าแล้ว ไม่ผิดหวังค่ะ เห็นทะเลชัดมาก ลมเย็นสบาย พวกเราเกาะรั้วระเบียง เรียงแถวหน้ากระดานดูชายหาดกัน สักพักก็ได้ยินเสียง ‘ครืดดๆๆ’ เป็นเสียงโซ่ลากกับพื้นค่ะ สายตาทุกคนมองหน้ากัน แต่เราก็สังเกตุเห็นว่ามีอะไรๆ ตะคุ่มๆ อยู่ตรงหน้าอาคารด้านล่าง เลยสะกิดเพื่อนดู ปรากฏว่าเป็นคนผมเผ้ายาวรุงรัง ที่เท้ามีโซ่ตรวนลากติดอยู่! ‘เหี้ย!’ เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มตกใจตะโกนออกมา แล้วคนๆ นั้น ก็เงยหน้าขึ้นมามองพวกเรา สบตาเราเลยค่ะ หน้าตาน่ากลัวมาก ตอนนั้นรู้เลยว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่คนแน่ๆ เท่านั้นล่ะ ใส่เกียร์

จอดรับผี

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนะครับ ตอนนั้นผมได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มหาวิทยาลัยของผมไม่อนุญาติให้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในตัวมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยสร้างอยู่ที่ราบกลางภูเขา บวกกับระยะทางก่อนจะเข้าไปถึงตัวมหาวิทยาลัย จะเป็นถนนเจาะผ่านตัวภูเขา ข้างทางจึงเป็นเหวลึกอันตรายมาก จึงอนุญาตให้แค่คนที่มีรถยนต์เท่านั้นที่ขับขึ้นไปในตัวมหาวิทยาลัยได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยผม ก็ได้จัดรถเมล์โดยสารไว้บริการให้กับคนที่ไม่มีรถยนต์ ส่วนมากคนที่ใช้บริการก็จะเป็นนักศึกษา บางครั้งก็จะมีอาจารย์บ้าง หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมหาวิทยาลัยก็มีครับ และผมเองซึ่งอยู่หอนอก ก็เป็นอีกคนที่ต้องใช้บริการรถเมล์ของมหาวิทยาลัย ทุกคนที่ใช้บริการจะต้องขึ้นรถจากป้ายจอดด้านหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อนั่งเข้าไปด้านใน รถจะจอดเป็นจุดๆ ตามป้ายจอด โดยจะมีป้ายจอดตามตึกสำคัญๆ อย่างตึกแต่ละคณะ อาคารเรียนรวม หอสมุด เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงหอในเป็นป้ายสุดท้าย รถเปิดบริการตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยาวจนถึง  3 ทุ่ม วิ่งไปมาตลอดครับ เรื่องมันเกิดในช่วงเดือนที่มีสอบปลายภาค ช่วงนั้นทางมหาวิทยาลัยจะเปิดบริการห้องสมุดถึงเที่ย

เฉียดตาย

รูปภาพ
     บ้านเราอยู่แถวบางพลี วันที่เกิดเรื่องเป็นวันที่นัดเพื่อนๆ มากินเลี้ยงกันที่บ้านค่ะ เราเองเป็นคนไม่แตะต้องของมึนเมาทุกชนิดเลย พวกเรากินกันตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึงเที่ยงคืนได้ เราอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งเพื่อน 2 คนที่บ้าน เพราะเพื่อนเราเมากัน บ้านเพื่อนเราคนหนึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับ ม.หัวเฉียว โดยเราจะไปส่งเพื่อนคนที่อยู่ไกลก่อน แล้วค่อยส่งเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้บ้านเราต่อ เพราะตอนนั้นดึกแล้ว เลยอยากมีเพื่อนไปด้วย อุ่นใจกว่า ขาไปเนี่ยเราไปทางปกติ ก็ส่งเพื่อนคนหนึ่งถึงบ้านเรียบร้อย เราก็ขี่กลับจะไปส่งบ้านเพื่อนอีกคน ตอนนั้นดูท่าว่าฝนกำลังจะตก เราเลยเลือกที่จะไปอีกทางหนึ่ง ที่เป็นทางลัดใกล้กว่า แต่เส้นทางนี้เรารู้อยู่แก่ใจว่าทางมันเปลี่ยวไม่ปลอดภัย เค้าเรียกกันว่าคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ คนแถวนี้จะรู้ประวัติที่นี่ดีค่ะ ลักษณะเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลางถนน มีเสาไฟตรงเกาะกลาง แต่ไฟไม่ติด ข้างทางเป็นป่าบ้าง โรงงานบ้าง แต่อยู่ห่างกัน บ้านคนก็มีไม่กี่หลัง แล้วก็จะเป็นป่ายาวๆ เลย แต่ตอนนั้นเราก็ยอมใจกล้าเพราะกลัวฝนตก เราขี่เข้ามาจากถนนบางนา ไปเส้นเทพารักษ์ ทั้งถนนมีแค่มอเตอร์ไซค์เราคันเดียวเลยค่ะ บรรยาก

ความใจดีจะปิดน้ำให้

รูปภาพ
     ผมทำงานราชการ มีธุระต้องเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ – นครสวรรค์บ่อยๆ โดยผมจะขับรถกระบะคนเดียวครับ มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ผมขับรถกลับนครสวรรค์เหมือนทุกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว ผมก็รู้สึกง่วงนอนมากๆ สัปหงกไปหลายครั้ง กลัวว่าจะเกิดอันตรายเลยมองหาปั๊มน้ำมันเพื่อจะจอดรถงีบสักหน่อย ขับไปสักพักก็เจอปั๊มเล็กๆ ปั๊มหนึ่งข้างทางครับ ผมขับเข้าไปจอดตรงที่จอดรถหน้าห้องน้ำครับ ตอนนั้นดึกแล้ว ไม่มีรถจอดเลยสักคัน ผมก็ติดเครื่องไว้ แล้วเอนเบาะนอนเลย ผมนอนหลับไปไม่น่าจะนานนะครับ ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะกระจกหน้าต่างรถ ‘ตึงๆ’ ผมจำได้ว่าผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที และมองไปรอบๆ รถก็ไม่มีใคร ตอนนั้นก็งงๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร ด้วยความง่วงผมเลยนอนต่อ แต่ก็อีกครับ เสียงเคาะกระจกอย่างแรงมาอีกครั้ง ‘ตึงๆ’ ผมตื่นเลยครับ หายง่วงเลยคราวนี้ ผมลงมาจากรถมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใคร นอกจากเด็กปั๊ม 2-3 คนอยู่ไกลๆ แล้วพอดีตอนนั้นปวดฉี่ครับ ผมเลยไปเข้าห้องน้ำ ผมเลือกที่จะเข้าห้องน้ำแบบเป็นห้อง เพราะแบบยืนฉี่ต้องเดินอ้อมไปด้านหลัง ผมขี้เกียจเดินครับ ลักษะณะห้องน้ำที่นี่จะมี 3 ห้องเรียงกัน จะเป็นส้วมซึมแบบนั่งยองๆ แล้วมีป

ชาติที่แล้วเคยฆ่า

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นเรายังเป็นเด็กมาก และย่าเราก็เป็นร่างทรง ปกติย่าจะมอบหน้าที่ให้เราไปซื้อนมมาคอยถวายให้กุมารวันเว้นวันค่ะ เราก็ทำตลอดไม่เคยขาดตกบกพร่อง แต่ไม่รู้เพราะอะไร แลดูกุมารองค์นี้จะเกลียดเราเอามากๆ คือคอยแกล้งตลอด ไม่ใช่แกล้งหยอกๆ นะคะ แกล้งแบบแรงๆ เลย ปัดของตกแตกบ้าง ดึงผมตอนนอนบ้าง แล้วเวลามีปัญหาอะไรในบ้านแล้วย่าไปถามกุมาร กุมารก็จะต้องใส่ร้าย หรือบอกว่าเป็นเพราะเราตลอด พอเราโดนด่าโดนตีเสร็จ กุมารก็จะค่อยมาบอกความจริงทีหลัง สรุปคือเราโดนด่าโดนตีฟรีตลอด แต่เรื่องที่หนักที่สุดคงเป็นเรื่องที่ทำให้เราเกือบถึงชีวิตเลยค่ะ เรื่องเกิดตอนเช้าวันหนึ่ง ย่าตะโกนเรียกเราแต่เช้า แต่เราไม่ตื่น สักพักก็ได้ยินเป็นเสียงเด็กผู้ชายมาตะโกนอยู่ข้างหูเลยค่ะว่า ‘ตื่นได้แล้วอีเด็กเวร!’ เราก็ตกใจสะดุ้งตื่นทันทีค่ะ พอลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นคือเป็นเด็กผู้ชายอายุประมาน 5-6 ขวบ ยืนจ้อง สีหน้าโกรธแค้น ตาแดงก่ำ อยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะผลุบวิ่งลงบันไดไป ตอนนั้นยังนึกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง เลยรีบลุกตามไปที่หน้าบันได จะไปด่า กลับไม่เห็นใครเลย!? แต่มีเสียงวิ่งลงบันไดดัง ตึงๆๆ จนถึงขั

ไม่นอนค้างบ้านเพื่อนอีกเลย

รูปภาพ
     ท้าวความก่อนนะคะ ตั้งแต่เราเกิดมาก็มีแต่คนทักว่าเรามีเซนส์ มีของดีอยู่ในตัว บางคนทักแม่เราบ้าง บอกว่าลูกสาวน่ะเป็นคนมีสัมผัสพิเศษ ตอนแรกเราเฉยๆ กับเรื่องแบบนี้มาก จนได้มาเจอเข้ากับตัวเอง สมัยเราเรียนอยู่ ปวช. ที่จังหวัดนนทบุรี มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเลิกเรียนค่ำมาก เลยตัดสินใจไปนอนบ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ กับวิทยาลัย จำได้แม่นว่าวันนั้นเป็นวันพุธเพราะมีรายการคนอวดผี บ้านเพื่อนเราเป็นหมู่บ้านเก่าๆ บ้านร้างเยอะมาก บรรยากาศจะเงียบๆ มีเสียงจิ้งหรีด เราตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ลักษณะบ้านเพื่อนเราจะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นหลังเล็กๆ ห้องนอนไม่ได้ติดแอร์ จะเปิดหน้าต่างรับลม มีผ้าม่านปิด แต่ก็จะปลิวเวลามีลม ทีนี้พอเราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เข้ามานอนดูคนอวดผีกับเพื่อนบนเตียง แต่เพื่อนเราเผลอหลับไปก่อน เราก็นอนคุยโทรศัพท์กับแฟนไปด้วย ช่วงนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนได้ เราได้ยินเสียงเหมือนคนขยำถุงพลาสติกดัง ‘กรอบแกรบๆ’ มาจากข้างนอก เราเลยลุกไปเปิดม่านมองตรงหน้าต่างค่ะ มองลงไปเป็นบ้านข้างๆ เห็นผู้ชายสูงวัยกำลังลากถุงขยะมาทิ้งหน้าบ้าน เลยไม่สนใจอะไร ตอนนั้นแฟนยังอยู่ในสาย แฟนเราถามว่ามีอะไรหรอ? เราก็บอกว่าไ

เหตุที่ทำให้กลัวการขึ้นลิฟท์คนเดียว

รูปภาพ
      สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน เชียงรายไม่ได้เจริญเท่าไหร่นัก ช่วงนั้นคุณตาผมป่วยเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าคุณตาเป็นนิ่วในไต ต้องได้รับการผ่าตัดครับ ในวันที่คุณตาผมต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลก่อนผ่าตัดล่วงหน้า 2 วัน เพื่อดูอาการ ต้องงดน้ำ งดอาหาร สมัยก่อนโรงพยาบาลรัฐ หากจะใช้ห้องผู้ป่วยพิเศษ ต้องจองล่วงหน้าก่อน เพราะงั้นคุณตาผมเลยต้องพักอยู่ห้องรวมซึ่งอยู่ชั้น 5 แม่ผมทำงานโรงแรมวันนั้นอยู่กะดึก ยายก็ต้องเฝ้าบ้านเพราะไม่มีคนดูแลบ้าน ส่วนน้องชายผมยังเล็กมาก ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมเลยต้องเป็นคนมานอนเฝ้าคุณตา ลองนึกภาพตามนะครับโรงพยาบาลรัฐ ตึกรวม ตึกเก่า ผนังอาคารเก่า สวนป่ารกล้อมรอบ แต่ถึงจะเก่าแต่ที่นี่ก็มีลิฟท์ ซึ่งตัวผมตอนนั้นไม่เคยขึ้นลิฟท์ และไม่รู้จักลิฟท์เลย ก็แอบตื่นเต้นไปตามประสาเด็กบ้านนอกครับ ช่วงกลางวันนี่ ขึ้นๆ ลงๆ ลิฟท์เล่นตลอด กดปุ่มไปเรื่อยเลย จนตกเย็นวันนั้น ประมาณ 6 โมงเห็นจะได้ เพราะโรงพยาบาลเพิ่งเปิดเพลงชาติ ผมก็เดินไปกดลิฟท์เล่นตามปกติ คราวนี้ลิฟท์เปิดมาผมก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง รุ่นราวคราวเดียวกับผม ลักษณะเหมือนจะเป็นชาวเขา ผมก็ทักทายไปตามประสา ถามไปถามมา เธอชื่อว่า ‘บุ

เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

รูปภาพ
     เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงที่หนูทำงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งย่านสายไหม ปกติหนูต้องเข้ากะกลางวัน แล้วมีอยู่อาทิตย์หนึ่งหนูต้องย้ายไปเข้ากะบ่าย เลิกงานประมาณเที่ยงคืนค่ะ ร้านที่หนูทำงานจะอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตรเท่านั้น หนูก็จะเดินไป-กลับเอาเวลาทำงาน ซึ่งระหว่างทางก็จะมีบ้านคนอยู่บ้างค่ะ แต่ช่วง 100 เมตรก่อนถึงบ้านหนู มันจะมีตึกพาณิชย์อยู่ตึกหนึ่ง เคยเป็นโรงพักเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้หลายปีแล้วค่ะ วันที่เกิดเรื่องหนูก็อยู่เลยเวลาช่วยกะดึกนิดหน่อย กว่าจะออกจากร้านมาก็ปาไปตี 1 แล้ว ระหว่างเดินกลับ หนูก็ฟังเพลงมาตลอดทาง จนก่อนถึงโรงพักเก่าประมาณ 10 กว่าก้าว อยู่ๆ มือถือหนูก็ดับค่ะ น่าจะแบตหมด ก็เลยเอาหูฟังออก แล้วก็เดินต่อจนถึงโรงพักเก่า หนูก็ได้ยินเสียงดังมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ เป็นเสียงเหมือนเวลาเราหยอดเหรียญลงไป ดัง ‘แก๊งๆๆ แก๊งๆๆ แก๊งๆๆ’ ประมาณ 2-3 เหรียญ ทั้งๆ ที่ในตู้โทรศัพท์ไม่มีคน ตอนนั้นก็ใจคอไม่ดีเลยค่ะ รู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรแปลกๆ ละหนูรีบหันหลังกลับ กะว่าจะเดินกลับร้านก่อน แต่หันไปดันเจอฝูงหมาเจ้าถิ่นอยู่ 4-5 ตัวเดินวนเวียนอยู่ ตอนนั้นนี่จะกลับไปทางร้านก็ก

สมบูรณ์กว่าห้องอื่น

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณ 10 กว่าปีก่อนได้แล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นกับผมเอง แต่เกิดขึ้นกับแม่ของผม พอผมโต แม่ก็เอามาเล่าให้ฟังครับ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมยังไม่เกิดครับ และแม่กำลังท้องผมอยู่ วันหนึ่งครอบครัวผมก็มีแพลนว่าจะไปทำบุญที่วัดวัดหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ไปกันทั้งครอบครัวเลยครับ ก็ออกเดินทางกันไป พอถึงวัดพี่สาวของผมเกิดปวดฉี่ เลยขอเข้าห้องน้ำ ลักษณะห้องน้ำที่วัดนี้จะเป็นแบบรูปตัว T พอเราเดินเข้าไปปุ๊บจะมีแยกซ้ายกับขวา และมีห้องน้ำเรียงต่อกันยาวเป็นบล็อคๆ พี่สาวผมตัดสินใจเลี้ยวเข้าห้องน้ำทางฝั่งขวามือ ห้องในสุด ทำธุระเสร็จก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งผ่านไป ทำบุญอะไรกันเรียบร้อย แม่ผมก็ขอไปเข้าห้องน้ำบ้าง แม่ตัดสินใจเข้าห้องน้ำทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งก่อนที่แม่จะเข้าห้องน้ำ แม่จะทำการเช็คสภาพห้องน้ำแต่ละห้องก่อนทุกครั้ง เช่นห้องน้ำนี้ประตูมีรูมั้ย สะอาดมั้ย จนกระทั่งแม่ผมก็ตัดสินใจเข้าห้องน้ำห้องในสุดซ้ายมือที่ดูสะอาด สมบูรณ์กว่าห้องอื่น แม่ผมก็ทำธุระไปไม่มีอะไร แต่พอเสร็จจะเปิดประตูออก ประตูกลับเปิดไม่ออก บิดลูกบิด แก่กๆๆ ยังไงก็ไม่ออก แม่ผมบอกว่าไม่เหมือนประตูติด แต่เหมือนมีแรงคนดันจา

อยู่ไม่ไหวจริงๆ

รูปภาพ
     ส่วนตัวเราเป็นคนเชื่อเรื่องผี 50:50 นะคะ เพราะยังไม่เคยเจอ และก็ไม่ได้คิดจะลบหลู่ค่ะ ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว เราเป็นนางรำประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น ทุกๆ งานกิจกรรม เราก็จะได้รำถวายพระพร หรือรำเปิดงานเสมอ และครั้งนี้เราก็ได้รำเปิดงานวันพ่อค่ะ ในคืนก่อนงานรำทุกๆ ครั้ง เรากับพวกพี่ๆ ที่รำด้วย จะไปนอนบ้านอาจารย์ค่ะ แต่วันนั้นอาจารย์ท่านไม่อยู่บ้าน เลยนัดให้เรากับพวกพี่ๆ มานอนที่โรงเรียนแทนค่ะ และห้องที่ใช้นอนคือห้องสังคมศึกษา ชั้นบนของห้องสังคม จะเป็นห้องดนตรีของวงโยธวาทิตค่ะ คืนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม เรากับพวกพี่ๆ ที่รำด้วย 3 คน ก็ขนของเข้ามาในห้องสังคม และจัดที่นอนกัน ต่างคนต่างจัดเลยค่ะ เราไม่ค่อยจะสนิทกับพวกพี่ๆ เลยแยกตัวมานอนไกลนิดนึง เพื่อความเป็นส่วนตัว อยากเล่นโทรศัพท์เงียบๆ พอจัดที่นอนกันเสร็จพวกรุ่นพี่ 3 คน ก็พากันออกไปซื้อของ ที่จะใช้แต่งหน้าในวันงานพรุ่งนี้ ทีนี้ก็เหลือเรานอนอยู่ในห้องคนเดียวค่ะ เรานอนเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย และไฟในห้องก็ปิดมืดหมด มีแค่แสงไฟจากหน้าห้องเล็กน้อย กับจอโทรศัพท์ของเราเท่านั้นเอง เรานอนเล่นเฟซบุคไปไม่ได้คิดอะไร สักพักก็มีเสียงแซ็กโ

จำได้แม่นทั้งครอบครัว

รูปภาพ
      ผมเป็นคนเชียงราย พ่อกับแม่ทำงานที่เชียงใหม่ ด้วยหน้าที่การงานทำให้ผมกับน้องชายต้องอยู่บ้านตากับยายที่เชียงราย หนึ่งเดือนพ่อกับแม่จะมาหาสักครั้ง หรือไม่ท่านก็จะมารับวันศุกร์เย็นๆ หลังเลิกเรียน เพื่อไปบ้านที่เชียงใหม่ สมัยนั้นบ้านผมจะมีรถมาสด้ารุ่นเก่าคันเล็กๆ แล้วมีแคปเป็นหลังคาอยู่ด้านหลังครับ วันนั้นจำได้แม่นเป็นคืนวันศุกร์นี่ล่ะ ทุกครั้งที่พ่อแม่มารับผมกับน้อง เราจะออกจากเชียงรายราวๆ 4 โมง เพื่อจะได้ไปถึงเชียงใหม่ไม่ดึก และปลอดภัย ถ้าใครเคยขับรถเส้น เชียงราย-เชียงใหม่ จะรู้ว่าถนนเปลี่ยวมาก ทางโค้งคดเคี้ยว ขึ้นเนินลงเนินเยอะมาก เรียกว่าเป็นการขับรถข้ามภูเขาข้ามป่าก็ว่าได้ วันนั้นเป็นวันที่พ่อผมดันมีธุระ กว่าเราจะออกจากเชียงรายได้ก็ 6 โมงเย็นแล้วครับ ขับมาเรื่อย ออกมาได้ไม่นานก็มืดละ และเป็นช่วงหน้าหนาว มีหมอกบางๆ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง พ่อเลยขับช้า ขับมาสักพักเข้าเขตป่าทึบที่สอง ข้างทางไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีไฟข้างทางเลย รถก็เกิดอาการกระตุกๆ ผมกับแม่มองหน้ากันเลิ่กๆ ลั่กๆ พ่อเริ่มลดความเร็วลงอีก จนสักพักจากกระตุก รถมันก็ดับไป ประเด็นคือดับตรงที่ที่เปลี่ยวมาก! มีไฟกิ่งข้

ไม่มีโอกาสได้ขอโทษพ่ออีกแล้ว

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ คือพ่อของเราเป็นคนขี้เล่น ชอบแกล้ง เป็นคนอารมณ์ดี แข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย พ่อเป็นคนที่ขับรถเก่งมาก ทุกคนจะให้แกขับไปที่ไกลๆ ขึ้นเหนือ ลงใต้ งานจ้างบ้าง ฟรีบ้าง แล้วแต่ค่ะ อยู่มาวันหนึ่งเราก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่า ‘พ่อล้มหมดสติไป ตอนที่กำลังเช็ดรถอยู่ ตอนนี้อยู่ ICU ที่โรงพยาบาล’ เราตกใจมาก รีบไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หมอเดินมาบอกว่า ‘เสียใจด้วยครับ คุณพ่อหัวใจวาย เนื่องจากมีโรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ หมอช่วยไว้ไม่ทัน..’ ช็อคมากค่ะ แม่เราแทบล้มทั้งยืนเลย เราก็ร้องไห้ จนจะเป็นลม พอญาติๆ ทราบก็มากันหมด พ่อตายไปโดยไม่ได้สั่งเสียใครเลยสักคน ทีนี้หลังจากพ่อตายไป ก็จะมีเรื่องหลอนๆ ที่ได้ยินมาจากคนรอบตัวค่ะ วันก่อนที่จะเริ่มจัดพิธีศพให้พ่อวันแรก เพื่อนพ่อ 2 คนมาเล่าให้ฟังว่า ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านประจำที่เคยไปกินกัน เจ้าของร้านก็ทัก ‘อ้าวลุงอีกคนไม่สั่งอะไรเลยหรอ ก้มหน้าก้มตา หวยกินหรอไง?’ แล้วแกก็ขำ เพื่อนพ่อ 2 คนที่นั่งอยู่ก็ตอบไป ‘ก็สั่งไปแล้วไง จะสั่งทำไม 3 ชาม มากัน 2 คน..’ เจ้าของร้านก

ปกป้องไม่ให้นอนเตียงของเจ้าของ

รูปภาพ
     ผมกับเพื่อนๆ รวม 4 คน มีผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 2 คน ร่วมกันเปิดบริษัททำงานด้านการออกแบบกราฟิกครับ ซึ่งใช้บ้านชั้นล่างของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งใน 4 คน เป็นออฟฟิศเลย อยู่แถวพัฒนาการ ด้วยความที่สนิทกัน ผมก็นอนบ้านเพื่อน (ออฟฟิศ) ซะเลย ตื่นมาเดินลงมาทำงานได้เลย สะดวกดี เวลานอนผมกับเพื่อนผู้ชายอีกคนก็จะปูผ้านอนพื้นในห้องนอนครับ เจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิงกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนจะนอนบนเตียง ช่วงหลังๆ ผมกับเพื่อนผู้ชายจะเล่นเกมกันดึก พอขึ้นไปนอนก็เกรงใจว่าจะรบกวนพวกผู้หญิงที่เค้านอนกันแล้ว ผมกับเพื่อนก็เลยเอาผ้ามาปูนอนหน้าโต๊ะคอม นอนกันในออฟฟิศเลยตั้งแต่นั้นมา ง่ายดีด้วย ชีวิตช่วงนั้นสนุกสนาน กินนอน เล่น อยู่กับเพื่อนๆ ตลอดเลย ผ่านไปเกือบปี ก็ไม่เคยมีอะไรผิดปกติ จนวันหนึ่งพวกเราก็ทำงานที่ออฟฟิศชั้นล่างตามปกติ จนประมาณ 4 โมงได้ ผมง่วงครับ คงเพราะกลางคืนเล่นเกมดึก ผมเลยขอตัวขึ้นไปนอนในห้องนอนชั้นบนครับ จะได้ไม่รบกวนเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ และก็ถือโอกาสยึดเตียงซะเลย กะแบบนอนสบายๆ เพราะไม่ได้นอนเตียงมาหลายเดือนแล้ว ตอนนั้นยังสว่างอยู่เลยครับ ผมก็ขึ้นเตียงแล้วก็เล่นมือถือก่อน ไม่นานผมก็สังเกตุเห็

ขึ้นไป2 กลับลงมา3

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ผมเรียนที่โรงเรียนนี้เป็นเวลา 12 ปี ตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6 และก็เคยได้ยินเรื่องเล่าของโรงเรียนแห่งนี้มากมาย เช่นผีทหารญี่ปุ่นในสนาม ผีในห้องดนตรีไทย ผีเด็กในสระน้ำ ฯลฯ คงเพราะเป็นโรงเรียนเก่าแก่ ที่มีอายุเป็น 100 ปี ก็ไม่แปลกที่จะมีเรื่องแบบนี้ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอยู่โรงเรียนจนดึก ทำกิจกรรมในโรงเรียน หรือเล่นกับเพื่อน กลับบ้านค่ำๆ 2-3 ทุ่ม นี่เป็นเรื่องปกติครับ ผมกับเพื่อนก็จะอยู่รอบๆ อาคาร ไม่ได้อยู่บนอาคาร เพราะประมาณ 5 โมงครึ่งถึง 6 โมงเย็น ประตูอาคารจะปิดหมด จะเหลือแต่ประตูหน้าห้องประชาสัมพันธ์ ที่อาจารย์เวรจะอยู่ และอาจารย์ทุกคนต้องไปตอกบัตร เวลาเข้าออกงาน ช่วงนั้นบนอาคารก็จะมืด เงียบสนิท ไม่มีใครเลยครับ มีอยู่วันหนึ่งผมก็อยู่เล่นที่โรงเรียนจนถึงประมาณเกือบ 2 ทุ่มได้ คนในโรงเรียนก็แทบจะไม่มีเหลือแล้วครับ เพื่อนผมคนหนึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมสมุดที่จะต้องใช้อยู่ในห้องเรียน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ยินดีไปเป็นเพื่อนครับ แต่ปัญหาคือประตูมันปิดหมดแล้ว เหลือแต่ตรงบันไดอาจารย์เวร ไอ้เราจะเดินขึ้นไปก็กลัวจะโดนด่า ผมเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งแตกกิ่งเข้าไปใกล้ระเบ

หลวงพี่ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นผมได้เข้าอุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่ง มีพระที่บวชในโครงการเดียวกัน 100 กว่ารูป ต้องจำวัดรวมกันในโบสถ์ที่ยังไม่ได้ฝังลูกนิมิตร พระบางรูปก็เล่าให้ฟังว่า พระบวชใหม่กุศลจะแรง จะมีผีมาขอส่วนบุญ ผมตอนนั้นก็ฟังหูไว้หู ผมบวชในโครงการพระปฏิบัติ คือบวชแล้วต้องมานั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทำอยู่อย่างนี้เป็นกิจวัตรสลับกันจน 5 ทุ่ม เที่ยงคืนผ่านไปได้สักเกือบเดือน มีอยู่คืนหนึ่งขณะนอนจำวัด ก็หลับไปปกติ แต่พอตื่นเช้ามา พระที่จำวัดข้างๆ กัน ทำหน้าตื่นตระหนก ถามผมว่า ‘เมื่อคืนผมนอนหลับสบายดีไหม?’ ผมก็บอกไปว่าสบายดี พระรูปนั้นก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนปวดฉี่ แต่ไม่กล้าไปรูปเดียว เลยจะชวนผมไปด้วย แต่พอลืมตาหันมาหาผมเท่านั้นแหละ ตกใจมาก! เห็นเงารูปร่างคนดำๆ 4-5 ตน ยืนล้อมชี้หน้าผมอยู่! ก็เลยหันกลับไปนอนต่อ เป็นอันว่าอั้นฉี่จนถึงเช้า นอกจากนี้จริงๆแล้วยังมีอีกหลายอย่างที่เจอที่วัดนี้ แต่ผมขอข้ามไปอีกเรื่อง ตอนที่ผมย้ายไปจำพรรษาที่วัดในต่างจังหวัดในภาคกลางครับ มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ คืนสุดท้ายที่ผมยังอยู่วัดที่กรุงเทพฯ ผมฝันเห็นเจ้าอ

กุมารตกหลุมรัก

รูปภาพ
     ขอเกริ่นก่อนเริ่มเรื่องนะคะ สมัยเด็กๆ เราเป็นคนเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง กับเรื่องผี วิญญาณ เพราะไม่เคยเจอกับตัว แค่เคยได้ยินเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ที่บ้าน พอเข้ามหาวิทยาลัย จากเด็กต่างจังหวัดก็ต้องย้ายไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แถวบางพลีค่ะ ตอนเข้าไปแรกๆ รุ่นพี่ก็ชอบบอกว่าหอนี้น่ะ เคยเป็นป่าช้าเก่ามาก่อน เค้าถางที่แล้วก็สร้างหอพัก บ้างก็บอกว่า เสามีไม่ครบตามฮวงจุ้ย ผีเลยดุ ด้วยความที่เราไม่เคยเจอก็ไม่ได้อะไร แค่รับฟัง ห้องนอนที่นี่จะเป็นห้องสำหรับ 4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น 2 เตียง มีตู้เก็บเสื้อผ้าเล็กๆ คนละตู้ โต๊ะอ่านหนังสือคนละโต๊ะ มีพื้นที่ว่างตรงหน้าประตูห้อง ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม เราได้พักชั้น 4 รูมเมทที่อยู่ด้วย เป็นเพื่อนปี 1 จำนวน 3 คน และมีพี่ปี 4 อีก 1 คน ทุกคนเป็นคนพูดเก่งหมด เลยเข้ากันได้ดี แถมมีเพื่อนๆ ของรูมเมทแวะมาคุยที่ห้องบ่อยๆ วันหนึ่งเพื่อนของรูมเมทคนหนึ่ง ชื่อว่ามิ้น (นามสมมติ) แวะมาหาที่ห้อง ซึ่งที่บ้านมิ้น เป็นคนทรง มิ้นบอกว่า ‘มิ้นเลี้ยงกุมารทองอยู่ด้วย แต่เป็นกุมารทองที่โตแล้ว หล่ออีกตะหาก ชื่อพี่เทพ ขอพาพี่เทพมาด้วยนะ..’ รูมเมทคนอื่นๆ ก็กรี๊ดกัน

หลอกแต่ผู้ชาย

รูปภาพ
     นี่เป็นเรื่องจริงของผมเลยครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นผมเดินทางไปทะเลกับเพื่อนๆ ที่ระยอง และได้เข้าพักกันที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในตัวเมือง ก่อนที่จะเดินทางมา เพื่อนผมมันไปอ่านเจอมา ถึงที่พักในจังหวัดระยอง ว่าคนมักจะเจอเรื่องอะไรแปลกๆ บ่อยๆ เช่น ทีวีเปิดปิดเอง เปลี่ยนช่องเอง เห็นเงาคนเดินผ่านนอกหน้าต่างทั้งๆ ที่ไม่มีระเบียง และก็อีกหลายๆ อย่างครับ แต่ว่าผมไม่ค่อยสนใจ เพราะผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลย และอีกอย่างมาเที่ยวครั้งนี้ผมนอนคนเดียวด้วย เลยคิดว่ามันคงจะหาเรื่องหลอกให้ผมกลัวเล่นๆ พอมาถึงก็ไปเช็คอินกันครับ พนักงานต้อนรับที่นี่รวมถึง รปภ. จะเป็นผู้หญิงทั้งหมด หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆ ก็ออกไปเที่ยวเล่นกันจนเหนื่อย กว่าจะกลับมาพักที่ห้องก็มืดครับ แล้วก็เล่นไพ่กันต่ออีกที่ห้องเพื่อนคนหนึ่งชั้น 14 ครับ พวกเราเล่นกันจนถึงตี 1 ได้ ผมก็ง่วงมากแล้วตอนนั้น เลยขอแยกตัวไปนอนก่อน ช่วงนั้นห้องค่อนข้างเต็มครับ ผมได้ห้องแยกไปอยู่ที่ชั้น 10 ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ อยู่ชั้น 14 กันหมด ตอนที่ผมเดินออกมากจากห้องเพื่อนไปที่ลิฟท์ ร่างกายอ่อนแรงมาก ตัวเย็นๆ วูบๆ แต่ก็ไม่คิ

ขอเวลาอีก 20 ปี

รูปภาพ
     ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราเป็นคุณแม่ลูก 1 แล้วนะคะ ช่วงนั้นเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะสมุยกับเพื่อน ได้พักอยู่ริมหาดเลย ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่เราก็ยังออกไปเล่นทะเลกับเพื่อนๆ เดินเลาะไปตามโขดหินริมหาดเรื่อยๆ และก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน คือเราลื่นล้มพลัดตกไปในทะเล ซึ่งตรงนั้นน้ำลึกด้วย และเราว่ายน้ำไม่เป็นไง ก็คือจมน้ำไปเลย สิ่งที่จำได้สุดท้ายคือ มืดสนิทไม่เห็นอะไรเลย แต่สุดท้ายที่รู้ก็คือมีเพื่อนคนหนึ่งช่วยเราขึ้นมาได้แบบทุลักทุเลมากๆเราหมดสติไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในห้องนอนแล้ว โดยเพื่อนเล่าว่าหน่วยกู้ภัยของเกาะมาช่วยปฐมพยาบาลไว้ได้ทัน ถ้าช้ากว่านี้อาจจะน้ำท่วมปอดหายใจไม่ออกได้ แต่เรื่องมันเกิดหลังจากนี้ค่ะ คืนนั้นหลังจากเกิดเรื่อง เราก็นอนหลับอยู่กับเพื่อน ในขณะที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น เราฝันว่ามีชายรูปร่างใหญ่ ผิวดำมากๆ ไม่ใส่เสื้อ แต่นุ่งเหมือนโจงกระเบนสีแดง มีผ้าคาดหัวสีแดง เดินมากัน 2 คน และในมือของทั้ง 2 คนนั้น มีอาวุธที่เราขอเรียกว่าไม้ง่าม ขนาดค่อนข้างยาวมากๆ ชาย 1 ในนั้นได้เข้ามาจับข้อมือเรา และฉุดกระชากจนเรารู้สึกเจ็บมาก ในฝันเขาไม่ได้ขยับปากพูดอะไร แต่กลับมี

โดนจนเข้าโรงพยาบาล

รูปภาพ
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นนั้นเราอยู่ ม.ปลาย ทุกๆ ปี นักเรียนชั้น ม.5 จะได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาสีค่ะ และปีนั้นเราเองได้รับเลือกเป็นประธานสีด้วย ช่วงเตรียมงานกีฬาสีหลังเลิกเรียนเรากับเพื่อนๆ ก็จะอยู่ที่โรงเรียนต่อเพื่อทำอุปกรณ์กองเชียร์ กว่าจะกลับก็หลัง 6 โมงเย็นทุกวันค่ะ ห้องเรียนเราจะอยู่ชั้น 5 และในโรงเรียนก็จะเล่าต่อๆ กันมาว่าชั้นนี้ผีเฮี้ยนที่สุด และเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า ก็เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และเสียชีวิตในห้องเรียนห้องนี้อีกด้วยค่ะ ที่ชั้น 6 จะเป็นห้องนาฎศิลป์ที่ไม่มีใครกล้าขึ้นไปหลัง 6 โมงเย็น แม้แต่ครูประจำห้องเองก็ตาม เรากับเพื่อนๆ เอง ก็เคยรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่บ่อยๆ เช่น เสียงดนตรีไทยดังขึ้นมาเองบ้าง เงาคนเดินไปมาบริเวณหลังห้องบ้าง แต่พยายามไม่คิดมากค่ะ และตัวเราจะค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องผีอยู่บ้าง เพราะบรรพบุรุษเราเป็นครูที่มีวิชาไสยศาสตร์ จนมาวันหนึ่งหลังเลิกเรียน ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ที่ลานด้านล่างขณะที่เพื่อนๆ ซ้อมลีดเสร็จ เราก็นั่งวาดฉากจนเสร็จแล้ว อยู่ๆ ฟ้าก็ครึ้มเหมือนฝนจะตก เราเลยชวนเพื่อน 4 คนในกลุ่มไปเก็บฉากก

กลัวจนสติหลุด

รูปภาพ
     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราว 10  กว่าปีก่อน สมัยนั้นผมเป็น รปภ. อยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน คอนโดนี้จะมี 21 ชั้น ส่วนชั้น 18 กับชั้น 19 จะเป็นบิวท์อิน คือเป็นห้องที่เชื่อมต่อกันทั้ง 2 ชั้น ส่วนชั้น 13 จะเขียนเป็น 12A แทน เมื่อตอนนั้นบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่งได้ย้ายผมมาที่คอนโดนี้ แล้วผมก็ได้รู้จักกับพวกพี่ๆ รปภ. ที่เขาอยู่มาก่อน เขาบอกกันว่า ‘ถ้ามาแล้วไม่เจอ.. แปลว่ามาไม่ถึง’ ตอนนั้นผมก็ไม่กลัวนะ คิดว่าคงแค่หลอกน้องใหม่ ที่คอนโดนี้แปลกครับ คนมีเงินอยู่กันเยอะ แต่เงียบมากๆ เหมือนไม่มีคนเลย ผมเข้าไปทำงานได้ 3 เดือน แต่ก็ไม่เคยเจออะไรเลย จนมาเดือนที่ 4 ผมลืมไม่ลงเลยล่ะครับ วันนั้นผมเข้ากะดึกและเป็นเวรต้องขึ้นไปเดินตรวจความเรียบร้อย ตั้งแต่ชั้น 21 ลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้น 1 ผลัดกันสามคน คนละ 1 ชั่วโมง คืนนั้นผมขึ้นไปคนแรก ตอนเที่ยงคืนพอดี ก็ไม่ได้คิดอะไร ผมกดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 21 ตามปกติ แต่วันนั้นครับระหว่างที่ลิฟท์กำลังขึ้น ผมยืนชิดหน้าประตูลิฟท์ บรรยากาศเงียบสงัด อยู่ๆ ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเฉยๆ และรู้สึกเหมือนมีเสียงหายใจดังมาจากด้านหลังผม ทั้งๆ ที่ผมอยู่คนเดียวใ

เจรจากับผี

รูปภาพ
     วันหนึ่งเพื่อนผมโทรมาชวนไปเที่ยวภูเก็ต ซึ่งตัวผมเองเป็นคนง่ายๆ ไปไหนไปกัน ก็นัดแนะเวลากันเรียบร้อยว่าตี 2 ล้อหมุน ผมจัดกระเป๋าและเตรียมตัว พอเสร็จก็ไปหาเพื่อนตามเวลานัด และก็ออกเดินทางกัน พวกผมเดินทางโดยรถ 3 คัน ซึ่งรถคันที่ผมนั่งไปคือรถของเพื่อนสนิทกับแฟน พร้อมลูกอีก 1 คน ส่วนอีก 2 คันก็ไปกันเป็นคู่ๆ สมัยนั้นเพื่อนสนิทผมยังขับรถไม่ค่อยแข็ง ผมเลยอาสาขับให้ ขับมาไกลพอสมควรมีแวะตามทางบ้าง แวะปั๊มบ้าง เพื่อเปลี่ยนอริยาบท และเข้าห้องน้ำ พอถึงช่วงเวลาตี 4 ทุกคนภายในรถหลับกันหมด เหลือผมคนเดียวที่ยังขับต่อ ก็เห็นอะไรแปลกๆ บ้าง (ปกติผมเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 อยู่แล้ว เรียกว่าเจอจนชิน) ก็ตั้งสติขับไปเรื่อยๆ จนร่างกายก็เริ่มเหนื่อล้าเพราะขับตั้งแต่ตี 2 ถึงภูเก็ตเกือบๆ บ่ายโมง เลยบอกเพื่อนสนิทผมให้ช่วยขับต่อ ผมเลยได้หลับบนรถประมาณชั่วโมงหนึ่ง พอถึงพวกผมก็เลือกที่จะกินข้าวกันก่อนเข้าโรงแรม แต่ก็เที่ยวเพลินด้วยจนลืมเหนื่อย เพราะยังพอได้พักนอนบนรถบ้าง เวลาก็ผ่านไปจน 4 ทุ่ม ร่างกายถึงขีดจำกัด ผมเลยบอกเพื่อนว่าอยากพักละ พวกผมทุกคนเช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ต่างคนต่างขนสัมภาระและรับกุญแจเพื่อแย

ลูกแฝดของแฟน

รูปภาพ
     เมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา สมัยนั้นผมเรียนอยู่ปี 2 ที่สถาบันชื่อดังแห่งหนึ่งย่านจัตุจักร ก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งที่พึ่งจบ ม.ปลายมาสมัครเรียน ผมบังเอิญเจอตอนพักเที่ยงพอดีครับ น้องเค้ามาถามทางไปห้องจำหน่ายใบสมัคร ลักษณะของน้องคือ ขาว หมวย สวย น่ารัก สเปคผมเลย ผมก็เลยใช้โอกาสนี้ขอเบอร์ซะเลย หลังจากนั้นผมก็โทรไปจีบเลยครับ จีบได้สักพัก จนสุดท้ายก็ได้คบกันเป็นแฟน ซึ่งก็ไปกันได้ดีทีเดียว คบกันไปได้ประมาณ 2 เดือน ช่วงนั้นพวกเรากลับบ้านดึกกันทุกวันเลย จนมีอยู่วันหนึ่งน้องก็ชวนผมไปนอนที่บ้านตอนกลางคืนครับ ประมาณ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน หมู่บ้านของน้องเค้าเป็นหมู่บ้านใหญ่ สมัยนั้นยังเป็นถนนเล็กๆ 2 เลน ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าทุ่งนา และต้นไม้ ตอนกลางคืนเงียบและก็น่ากลัวสุดๆ ครับ พอไปถึงบ้านน้อง ผมก็ต้องรอให้พ่อแม่น้องเค้าหลับก่อน ถึงค่อยปีนรั้วเข้าไปได้ โดยน้องเค้าจะเปิดประตู ดูต้นทางให้ นอนคืนแรกก็ปกติดีไม่มีอะไร แล้วพอใกล้เช้าผมก็ต้องรีบออกมา จากนั้นมาผมก็มาค้างที่บ้านน้องเค้าบ่อยๆ ครับ มาเวลาเดิมตลอด บางคืนพ่อแม่น้องเค้านอนดึก ผมก็ต้องนั่งรอที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านคนเดียว และในสวนนี่มีศาลตายาย และศาลพระภู

เจ้าของมาทวงผม

รูปภาพ
     เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นตอนเราอยู่ปี 1 ก็คือผ่านมา 7-8 ปีได้แล้ว ช่วงนั้นเราผมยาวมาก พอดีเป็นช่วงวันหยุด เราก็กลับบ้าน แล้วบ้านเราเลี้ยงแมวไง มีครั้งหนึ่งแมวเราวิ่งชนเทียนหล่นจากโต๊ะมาใส่หัวเรา ผมไหม้ไปเยอะเลย จนเราต้องตัดออกหมดกลายเป็นผมสั้น แต่แม่เราไม่ชอบผมสั้น เลยพาเราไปต่อผมที่ร้านร้านหนึ่ง เป็นร้านที่เพื่อนแม่เราแนะนำมา ช่างที่ร้านบอกเราว่าให้ใช้ผมจริงๆ จะออกมาดูเป็นธรรมชาติ เราก็เลยตกลงต่อ พอเสร็จผมออกมาสวยมาก หอมมาก และก็นิ่มสุดๆ ต่อไปได้วันแรกความรู้สึกตอนอยู่ร้านคือสบายๆ ไม่หนัก ไม่อะไร แต่พอกลับบ้านมาเราเริ่มรู้สึกว่าหัวเราหนักมาก แล้วก็ปวดหัว เหมือนถูกบีบ ถูกกดหัวอยู่ เราก็เลยไปบอกแม่ แม่ก็บอกว่า ‘คงจะตากแดดนานไปหรือเปล่า?’(เราแพ้แดดแรงๆ) ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไร ทีนี้ตอนเย็นๆ เราก็ต้องกลับไปหอพักแถวมหาวิทยาลัย โดยเราเช่าอยู่กับเพื่อนอีกคน พอกลับถึงหอก็ไปอาบน้ำสระผมเลย ความรู้สึกแปลกๆ ตอนสระคือมันเหมือนผมที่ต่อมาจะหลุดหมดทั้งหัว แต่ความจริงคือมันยังอยู่ งงปะ? คือเหมือนเราสระผม แล้วผมหลุดติดมือมา แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หลุดเลย และก็บางจังหวะเหมือนเราขยี้หัวแล้วมือ

เรื่องเล่าตำนานของมหาวิทยาลัย

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ที่วิทยาลัยเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง ผมไม่ได้เจอกับตัว แต่เป็นเพื่อนร่วมห้องที่เรียนมาด้วยกันเจอ ซึ่งผมก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยครับ และเรื่องนี้โด่งดังมากในวิทยาลัย จนสมัยนั้นอาจารย์ให้ปิดเรื่องไว้เป็นความลับ เพราะกลัวเด็กในวิทยาลัยจะกลัวกัน ห้องของผมนั้นมีประมาณ 30 กว่าคน เป็นนักศึกษาแผนกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ วันนั้นพวกผมก็เรียนกันตามปกติ ไม่มีอะไร จนมาถึงวิชาสุดท้าย คือวิชาพิมพ์ดีด ซึ่งเป็นวิชาที่อาจารย์ค่อนข้างจะเข้มงวดมาก อาจารย์ให้พวกผมพิมพ์งานกันจนเสร็จ ถ้าใครพิมพ์ไม่เสร็จ ห้ามกลับบ้าน วันนั้นพวกผมอยู่พิมพ์งานกันจนถึง 6 โมงเย็น ซึ่งช่วงนั้นนักเรียนในวิทยาลัยก็ทยอยกลับกันหมดแล้ว เพราะที่นี่เป็นวิทยาลัยเล็กๆ มีนักเรียนไม่มากนัก พวกผมพิมพ์งานกันไปเรื่อยๆ จนมันมีอยู่ช่วงหนึ่งครับ จู่ๆ ผมก็ได้กลิ่นธูปลอยผ่านจมูก กลิ่นแบบแรงมาก แต่ผมก็เงียบไว้ไม่พูดอะไร เพราะเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่เค้าว่า ห้ามพูด ห้ามทัก เวลาเจออะไรแบบนี้ แต่มีเพื่อนผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เป็นคนอิสลาม เค้าก็พูดขึ้นว่า ‘เฮ้ย! มีใครได้กลิ่นธูปเหมือนกูป่าววะ?’ เท่านั้นแหละครับ พวกผม

รู้สึกว่าตัวเองผิด

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นเรายังอยู่มัธยมต้น เราได้รู้จักรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อว่าพี่อัด (นามสมมติ) พี่อัดเพิ่งย้ายเข้ามาเรียน ม.6 แล้วเค้าก็ตามจีบเรามาตลอดเวลา 1 เดือน ซึ่งเราก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนด้วย เลยยังไม่ได้คิดอะไรเรื่องนี้ แต่ก็ลองคุยๆ ดูไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่เค้าก็ดีกับเราค่ะ พอถึงช่วงปีใหม่เราก็ไปส่งท้ายปีเก่ากับพี่เค้าที่วัด คือไปสวดมนต์ข้ามปีกัน พอตอนกลับ อยู่ๆ พี่เค้าพูดประมาณว่า ‘ถ้าไม่มีเรา พี่ยอมตายดีกว่า..’ คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะยังเด็ก ไม่ค่อยเข้าใจความรักเท่าไหร่ พอเวลาผ่านไป พี่อัดก็ได้พาเราไปให้ครอบครัวเค้ารู้จัก และเราก็เข้ากับครอบครัวพี่เค้าได้ดีค่ะ พี่อัดก็ดูภูมิใจ และดีใจที่ได้พาเรามาที่บ้านมากๆ เราก็คุยๆ กับพี่อัดมาได้ประมาณ 7 เดือนแล้ว แต่เราไม่รู้คิดยังไงกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากมีแฟน ยังอยากสนุกกับเพื่อนๆ มากกว่า เลยบอกพี่เค้าไปว่า ‘เราเป็นแค่พี่น้องกันดีกว่านะคะ..’ ตอนนั้นพี่อัดเค้าร้องไห้ออกมาเลย และบอกว่า ‘พี่คงอยู่ไม่ได้..’ ตอนนั้นเราก็งงๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละ และเราก็เริ่มห่างๆ กัน ประจวบกับเข้าช่วงปิดเทอมพอดี เราคิดว่า

กลัวมากกว่าอาย

รูปภาพ
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน คืนนั้นผมไปดูหนังกับเพื่อนอีกคน หลังจากที่ดูหนังจบก็สี่ทุ่มกว่าได้ ตอนนั้นร้านค้าต่างๆ ในห้างก็ปิดกันหมดแล้ว อยู่ๆ ผมรู้สึกปวดท้องขึ้นมา ต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนั้นเลย โชคดีที่ยังมีห้องน้ำเปิดอยู่ ผมกับเพื่อนก็เข้าห้องน้ำไป พอเข้ามาห้องน้ำชายก็เห็นป้าแม่บ้านคนหนึ่งน่าจะกำลังเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ที่ห้องในสุด ผมก็ไม่สนใจ ปรี่เข้าห้องน้ำไปเลย ถ้าจำไม่ผิดห้องน้ำน่าจะมีอยู่ประมาณ 8 ห้อง ผมเข้าห้องรองสุดท้าย โดยที่ห้องสุดท้ายรู้กันว่า จะไม่มีชักโครก มีแต่ก๊อกน้ำใช้สำหรับล้างอุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้าน ลักษณะห้องน้ำก็จะเหมือนกับห้องน้ำตามห้างทั่วไป แต่ค่อนข้างเก่า ประตูห้องน้ำก็จะมีช่องว่างที่เท้า สูงประมาณคืบหนึ่ง เพื่อนผมมันก็ยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่ ส่วนผมก็นั่งทำธุระไป เล่นเกมมือถือไป สักพักก็ได้ยินเสียงเพื่อนผมกดน้ำ และตะโกนมาว่า ‘เร็วๆ นะเว้ย กูไปรอข้างนอก’ ผมก็ตอบรับไป ระหว่างนั่งอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงเดินไปเดินมาระหว่างห้องน้ำห้องสุดท้ายกับทางเดิน และก็เสียงเปิดน้ำซู่ซ่าเป็นครั้งคราว ในใจผมก็คิดว่าคงเป็นป้าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดรอบสุดท้ายล่ะ

คำพูดของครูทำหลอน

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อตอน ม.3 โรงเรียนของเราจัดทัศนศึกษาแบบค้างคืน ไปกันที่ จ.กาญจนบุรี ที่พักแรมของพวกเราคือรีสอร์ทที่อยู่เข้าไปลึก ไกลจากถนนใหญ่หลายกิโลเมตรทีเดียว แวดล้อมด้วยป่าเขา บรรยากาศที่พักร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นครื้ม และด้วยเหตุนี้ในเวลากลางคืนด้านนอกบ้านพักจะมืด และวังเวงมาก ไฟภายนอกมีน้อย ขนาดต้องถือไฟฉายเดินถึงจะพอมองเห็น พอมาถึงก็เก็บข้าวของในบ้านพัก โดยบ้านพักของเรา จะพักกัน 8 คน ข้างในจะมีเตียงควีนไซส์ 1 เตียง และฟูกเสริมวางกับพื้น เป็นบ้านแบบปิด ติดเครื่องปรับอากาศ แถมยังมีที่อาบน้ำแบบ outdoor ด้วย ในตอนแรกทุกคนแย่งกันนอนบนเตียงค่ะ ไม่มีใครอยากนอนพื้นเลย เพราะจิตวิตก กลัวเห็นอะไรโผล่ใต้เตียงตามประสาคนขี้กลัว พอเก็บข้าวของและจับจองที่นอนกันเรียบร้อย ก็ต้องออกไปทัศนศึกษา ทำกิจกรรมกันข้างนอกค่ะ หลังกลับจากทัศนศึกษาทั้งวัน ก็ทานอาหารเย็น จากนั้นก็กลับบ้านพักกันไป โดยทุกคนมีการบ้านคือต้องทำบันทึกการทัศนศึกษา ส่งครูตอนเช้าวันรุ่งขึ้นค่ะ พวกเรา 8 คนในบ้านก็แยกกันไปนั่งเขียนตามโต๊ะเครื่องแป้งบ้าง โต๊ะอาหารบ้าง บนเตียงบ้าง ในขณะนั้