จอดรับผี
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนะครับ ตอนนั้นผมได้ศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มหาวิทยาลัยของผมไม่อนุญาติให้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในตัวมหาวิทยาลัย เพราะมหาวิทยาลัยสร้างอยู่ที่ราบกลางภูเขา บวกกับระยะทางก่อนจะเข้าไปถึงตัวมหาวิทยาลัย จะเป็นถนนเจาะผ่านตัวภูเขา ข้างทางจึงเป็นเหวลึกอันตรายมาก จึงอนุญาตให้แค่คนที่มีรถยนต์เท่านั้นที่ขับขึ้นไปในตัวมหาวิทยาลัยได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยผม ก็ได้จัดรถเมล์โดยสารไว้บริการให้กับคนที่ไม่มีรถยนต์ ส่วนมากคนที่ใช้บริการก็จะเป็นนักศึกษา บางครั้งก็จะมีอาจารย์บ้าง หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมหาวิทยาลัยก็มีครับ และผมเองซึ่งอยู่หอนอก ก็เป็นอีกคนที่ต้องใช้บริการรถเมล์ของมหาวิทยาลัย ทุกคนที่ใช้บริการจะต้องขึ้นรถจากป้ายจอดด้านหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อนั่งเข้าไปด้านใน รถจะจอดเป็นจุดๆ ตามป้ายจอด โดยจะมีป้ายจอดตามตึกสำคัญๆ อย่างตึกแต่ละคณะ อาคารเรียนรวม หอสมุด เข้าไปเรื่อยๆ จนถึงหอในเป็นป้ายสุดท้าย รถเปิดบริการตั้งแต่ 6 โมงเช้า ยาวจนถึง 3 ทุ่ม วิ่งไปมาตลอดครับ เรื่องมันเกิดในช่วงเดือนที่มีสอบปลายภาค ช่วงนั้นทางมหาวิทยาลัยจะเปิดบริการห้องสมุดถึงเที่ยงคืน และขยายเวลารถเมล์บริการถึงเที่ยงคืนเช่นกัน วันนั้นผมนัดกันไปติวหนังสือกับเพื่อนๆ กลุ่มที่อยู่หอใน พวกผมติวกันที่ห้องสมุด เผลออีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ผมเลยรีบขอตัวกลับหอนอกก่อน ซึ่งแน่นอนต้องไปรอรถเมล์ที่ป้ายจอดของห้องสมุด คงเพราะดึกมากแล้ว ตอนนั้นเลยมีแค่ผมคนเดียวที่ยืนรอรถที่ป้ายนั้น แต่ยืนรอไม่นานนักรถก็มา ผมขึ้นรถไป รถจะเป็นที่นั่งยาวหันหน้าเข้าหากัน (นึกถึง BTS แบบนั้นครับ) ตอนนั้นในรถมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเยื้องๆ กันกับผม พอรถแล่นออกไป บรรยากาศของมหาวิทยาลัยตอนดึกๆ นี่ก็ดูวังเวง มืด น่ากลัว เพราะตึก อาคารต่างๆ ปิดกันหมด มีเพียงไฟสลัวๆ ในรถ กับไฟหน้ารถที่สาดใส่ความมืดเท่านั้น ผมหยิบหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา ปกติรถจะหยุดแต่ละป้ายเพื่อรับคนประมาณ 2 นาที แต่เพราะไม่มีคนขึ้นลุงคนขับจึงขับยาวๆ ไป ไม่จอด จนมาจอดที่ป้ายสุดท้ายก่อนจะต้องวิ่งยาวออกนอกมหาวิทยาลัย ตรงนั้นเป็นป้ายหน้าตึกวิทย์ฯ ครับ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือ แล้วผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งมาข้างๆ รถ เสียงนั้นผ่านไปที่หน้ารถ และก็เป็นเสียงประตูเปิดให้คนขึ้น และก็ปิดดังปัง!.. ผมละสายตาจากหนังสือมองไปด้านหน้า กลับไม่เห็นใครขึ้นรถมา? ผมมองออกไปรอบๆ ก็ไม่มีวี่แววของเจ้าของเสียงเลย พอหันไปทางพี่ผู้หญิงที่นั่งเยื้องๆ เค้ากลับหน้าซีด ตัวสั่น ความกลัวเริ่มกัดกินผมแล้ว ผมมองหน้าพี่ผู้หญิงตรงข้าม สื่อสารกันผ่านสายตาว่า ‘เจอเข้าแล้วใช่มั้ย?’ พี่เค้าก็ลุกย้ายมานั่งข้างๆ ผมครับ เงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไร ลุงก็ขับรถออกไปท่าทางปกติ สักพักใหญ่พอไปถึงหน้ามหาวิทยาลัย ผมกับพี่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปที่จอดมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน ผมถามพี่เค้าว่าเกิดอะไรขึ้น? พี่เล่าว่า ‘ตอนถึงป้ายหน้าตึกวิทย์ฯ ลุงก็จอดรถ พี่ก็มองไปไม่เห็นมีใคร พอกำลังจะบอกให้ลุงออกรถ ก็ได้ยินเสียงเหมือนฝีเท้าคนวิ่งมาข้างๆ ตัวรถ พี่ก็หันไปดู เห็นเป็นเงาดำๆ รูปร่างคนวิ่งผ่านแสงไฟ แล้วประตูรถก็เปิดและปิดลง โดยที่ไม่เห็นใครขึ้นมา!? และที่น่ากลัวกว่านั้น คือลุงคนขับหันไปยิ้มให้หลังเสียงปิดประตู..’ พอผมได้ยินอย่างนั้นก็กลัวเลยครับ ผมกับพี่คนนั้นก็ยังคุยกันอย่างสงสัยว่า นั่นคือผีใช่มั้ย แล้วลุงแกเห็นเป็นคนธรรมดาๆ ขึ้นรถมาเหรอ? แล้วตอนนี้เค้าลงจากรถมาพร้อมเราด้วยใช่มั้ย? เท่านั้นล่ะครับ ผมกับพี่ผู้หญิงนี่รีบขี่มอเตอร์ไซค์กลับด้วยกันเลย ขี่คู่กันไปตลอดทาง ต่างคนต่างกลัวครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น