บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2019

ไม่กลับหอพักหลังเที่ยงคืนแล้ว

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเราได้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่ขอเอ่ยชื่อนะคะ เราพักอยู่หอกับเพื่อนใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยค่ะ ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้สอบ เราก็ออกมาติวหนังสือกับรุ่นพี่จนดึก พอเสร็จรุ่นพี่เราก็ขับรถมาส่งที่หอ แต่คืนนั้นหอเราไฟดับค่ะ ห้องเราอยู่ชั้นบนสุด เราก็หวั่นๆ ที่จะขึ้นไป แล้วเราเหลือบมองไปที่หอข้างๆ ซึ่งไฟไม่ดับ ก็ไปสะดุดตากับระเบียงห้องห้องหนึ่ง ประมาณชั้น 4-5 เราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมสั้นประบ่า นั่งห้อยขาเล่นมือถืออยู่ริมระเบียง เราก็ชี้ให้รุ่นพี่ที่มาส่งดู บอกว่า ‘พี่ดูดิ มานั่งอะไรยังงั้นวะ ไม่กลัวตกหรอไง?’ รุ่นพี่เราก็พยักหน้า แล้วบอกให้เรารีบขึ้นหอไปได้แล้ว เราไปถึงหน้าหอ บรรยากาศมืดมากๆ เงียบสนิทเลย เพราะตอนนั้นดึกมาก ทุกคนคงนอนกันหมดแล้ว เราก็กลัวๆ ค่ะ แล้วจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ตึ้งงง’ เหมือนคนมาทุบกำแพงแรงๆ ดังมาจากข้างหลังค่ะ ตอนนั้นนี่เราโคตรตกใจ เลยรีบแตะคีย์การ์ด วิ่งขึ้นห้องทันที เพื่อนในห้องเราอีก 2 คนหลับกันหมดแล้ว ทีนี้พอเราจะนอน ก็เปิดพัดลมตามปกติ แต่ไม่ติดค่ะ เลยนึกขึ้นได้ว่า เห้ย! ไฟดับ แล้วเ

รีบไปนอนอย่างไว

รูปภาพ
      เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ครอบครัวเราต้องกลับไปอยู่บ้านยายที่จังหวัดตาก เพื่อไปดูคุณยายซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวาน เท้าเป็นแผลทั้งเท้าไม่สามารถเดินเองได้ คุณแม่ต้องคอยช่วยดูแลคุณยาย เรากลับไปอยู่ที่บ้านยายได้สักพัก คุณตาก็มาเสียชีวิตลงกระทันหันด้วยโรคชราค่ะ แต่ในความโชคร้ายก็เหมือนโชคดีที่ยังได้กลับมาดูแลทั้งคุณตา และคุณยาย เพราะถ้าไม่ได้กลับมาครั้งนี้ ก็คงจะไม่ได้มีโอกาสได้เจอคุณตาอีกแล้ว หลังจากที่คุณตาเสียชีวิตไปได้ประมาณ 1 เดือน ก็เริ่มมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นกับคนในบ้านค่ะ ต้องขออธิบายลักษณะบ้านยายก่อน คือจะเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างจะกั้นเป็นห้องไว้นอนเล่นตอนกลางวัน มีหิ้งพระใหญ่ ซึ่งคุณตาก็เสียชีวิตที่ห้องนั้นค่ะ มีครั้งหนึ่งแม่เล่าว่า ตอนแม่กำลังเก็บข้าวของอยู่ชั้นล่างคนเดียว ทุกคนขึ้นนอนกันไปหมดแล้ว แม่ได้ยินเสียงแว่วๆ เหมือนเสียงสวดมนต์ค่ะ ไม่สามารถฟังออกว่าเป็นเสียงใคร ซึ่งแม่ค่อนข้างเชื่อว่าเป็นคุณตา เพราะคุณตาจะสวดมนต์ก่อนนอนเวลานี้ประจำ ส่วนญาติคนอื่นก็เคยเจอประมาณว่า ประตูตู้ที่เก็บบุหรี่ของคุณตา มักจะถูกเปิดทิ้งไว้เสมอ ทั้งที่ไม่ได้มีใครไ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนมาเตือน

รูปภาพ
      เรื่องที่กำลังจะเล่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อน และรุ่นพี่อีกเกือบ 10 คน ที่เป็นพยานได้ในคืนนั้น ช่วงนั้นรุ่นพี่ ม.6 กำลังจะจบการศึกษา ก็ตามประสามีการจัดงานปัจฉิมนิเทศ แล้วก็อยู่กันถึงดึกดื่น นั่งคุยกันเอะอะเสียงดังบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงประมาณเที่ยงคืน พวกเราก็มานั่งกันหน้าโรงเรียนเพื่อที่จะแยกย้ายกันกลับ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอยู่ต่อ ซึ่งก็คือกลุ่มเรา ต้องบอกก่อนว่าตรงหน้าโรงเรียนเราจะมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สูงเท่าตึก 3-4 ชั้นได้ กลุ่มเราจะนั่งกันตรงโต๊ะม้าหินหลังต้นไม้นี้ ห่างไปสักประมาณ 5 เมตรได้ นั่งคุยกันไปสักพัก เราก็เห็นลุงคนหนึ่งปั่นจักรยานผ่านมา มีคนซ้อนท้ายมาด้วย มาพร้อมกับเสียงกระดิ่งจักรยาน ‘กริ๊งๆๆ’ พอลุงแกขี่ผ่านต้นไม้ใหญ่ไป อยู่ๆ รุ่นพี่เราคนหนึ่งก็ร้อง ‘เหี้ย!’ เสียงดังขึ้นมา แล้วเค้าก็นิ่งไป พร้อมกับบอกพวกเราว่ารีบกลับบ้านกันเถอะ ไอ้เราก็รีบเก็บของเตรียมจะกลับ เพราะดูสีหน้าพี่เค้าแปลกๆ พอจะเดาได้ว่าคงไปเห็นอะไรเข้าแน่ๆ ระหว่างที่เก็บข้าวของกันนั้น ลุงคนเดิมก็ปั่นจักรยานกลับมา พร้อมเสียงกระดิ่งเป็นจังหวะ ‘กริ๊งๆๆ’ ครั้งนี้ทุกคนมองตามเสียงเป็นตาเ

โดนจนชิน

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยที่เรายังเรียนอยู่มัธยมที่โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่งในตัวเมืองกรุงเทพฯ ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่า โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนเก่าแก่ อายุร่วม 100 กว่าปีได้ มีตึกเก่า มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนมากมาย เรื่องเล่าหลอนๆ ต่างๆ ก็แน่นอนว่ามีมากมายเช่นกัน ใครเคยเรียนที่นี่ก็น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างอย่างเรื่องโทรศัพท์ปริศนาในห้องหมวดวิชาภาษาอังกฤษ ที่มักจะโทรเข้ามาทุกวันในเวลาเดิม คือช่วงเวลา 6 โมงเย็น แต่ที่แปลกคือเมื่อรับสาย ต้นสายจะไม่มีเสียงตอบรับ อาจารย์เก่าแก่ที่อยู่ที่นี่มานานจะทราบกันดี ท่านเล่าถึงสาเหตุของโทรศัพท์ปริศนานี้ว่า เมื่อก่อนมีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ต้องอยู่เวร แกก็ขึ้นไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ชั้นโรงยิม แต่วันนั้นเกิดมีโจรบุกปล้น อาจารย์ท่านนั้นจึงได้รีบโทรมาแจ้งที่หมวดภาษาอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครรับสาย และแกก็ถูกโจรฆ่าตายที่นั่น เป็นต้นเหตุของเสียงโทรศัพท์ปริศนานั่นเอง คงเป็นจิตสุดท้ายที่อาจารย์ท่านนั้นได้กระทำก่อนตาย ตอนเราเข้ามาเรียน ม.4 ใหม่ๆ ที่อาคาร 3 หมวดสังคม มีอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้เราฟังว่าห้องที่เราเรียนอยู่นี้ เคยมีเหตุ

ผีมาขอให้ช่วย

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วนะคะ ช่วงย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ใหม่ๆ เราพักอยู่ที่บ้านพี่สาวค่ะ แต่ด้วยความที่เราไม่ถูกกับพี่เขยเท่าไหร่ เราเลยย้ายออกไปพักอยู่กับเพื่อน เป็นอพาร์ทเม้นท์อยู่กันทั้งหมด 3 คน เดือนแรกเพื่อนคนหนึ่งก็มีแฟน กลับมาห้องบ้างไม่กลับบ้าง อีกเดือนถัดมาเพื่อนอีกคนก็มีแฟนเหมือนกัน สรุปเหลือแต่เราที่ไม่มี ช่วงเทศกาลหยุดยาว เพื่อนๆ เราไม่รับทำโอทีเพราะจะนัดแฟนไปเที่ยวกัน ส่วนเราก็ต้องอยู่คนเดียวยาวเป็นอาทิตย์เลยค่ะ เราเลยทำโอทีรับเงิน 3 แรง สบายใจ เข้างาน 6 โมง เลิกบ่าย 2 ถึงห้องบ่าย 3 นอน 2 ทุ่ม ตื่นตี 5 อาบน้ำไปทำงาน วนเวียนอยู่อย่างนี้ค่ะ ช่วงเลิกงานโอทีวันที่ 3 เรากลับมาที่ห้องตามปกติ ก็เผลอหลับไปค่ะ สักประมาณ 6 โมงเย็น ก็มีเสียงคนมาเคาะประตูห้อง ‘ก๊อกๆ’ เราตื่นอย่างงัวเงียไปเปิดประตู เป็นพี่ผู้หญิงใส่ชุดสาวโรงงานอะไรไม่รู้ ยืนอยู่หน้าห้อง พี่เค้าเห็นเราก็พูดขึ้นมาเลยว่า ‘ช่วยพี่หน่อยพี่อยู่ห้องนั้น..’ แล้วชี้ไปที่ประตูห้องตรงข้ามที่อยู่เยื้องไป 2 ประตู เราก็งงถามไปว่า ‘แล้วให้หนูทำไงคะ?’ พี่เค้าก็บอกให้ช่วยโทรเรียกเจ๊เจ้าของอพาร์ทเม้นท์ เอากุญแจม

วงไพ่แตก

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้วนะคะ สมัยแม่เราอายุ 10 ขวบกว่าๆ แม่ก็จะชอบตามคุณยายไปวงไพ่ตามงานศพต่างจังหวัด เพราะจะได้เงินค่าจ้างจากการไปซื้อของให้ผู้ใหญ่บ่อยๆ และวันนั้น ก็เป็นอีกวันที่คุณแม่จะต้องตามคุณยายไปงานศพของคนในหมู่บ้านคนหนึ่ง ชื่อน้ากลิ่น ซึ่งเขาตายเพราะถูกฟ้าผ่ากลางทุ่งนา ตามต่างจังหวัดสมัยนั้นจะเป็นทุ่งนากว้างๆ มีต้นตาลขึ้นสูงเรียงห่างๆ กัน และวัดที่จัดงานศพน้ากลิ่นนั้น เป็นวัดที่สร้างขึ้นกลางทุ่งนาเลย ซึ่งสมัยนี้ไม่มีแล้ว วันนั้นเป็นวันที่ฟ้ามืดมาก ไม่มีแสงจากดาว หรือพระจันทร์เลย กลุ่มชาวบ้านที่มางานศพสมัยนั้น ก็จะตั้งวงเล่นไพ่กันอย่างสนุกสนานเป็นเรื่องปกติ เล่นกันไปได้สักพักใหญ่ๆ ช่วงประมาณตี 1 กว่า ชาวบ้านที่เล่นไพ่กันอยู่ทุกคน รวมถึงคุณแม่ และคุณยายเรา ต่างก็ได้ยินเสียงแหลมๆ ดัง ‘วี๊ดดด’ เหมือนสัตว์อะไรร้องดังมาตามลมไกลๆ ทุกคนจึงหยุดเล่นไพ่กัน แล้วตั้งใจฟังว่านั้นคือเสียงอะไร? ทีนี้เสียงนั้นมันก็เริ่มร้องมาใกล้ขึ้นๆ เสียงมันช่างแหลมปี๊ดมากๆ พวกชาวบ้านจึงพยายามมองออกไปตามทุ่งนากว้างๆ จนมีคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า ‘เปรต!’ทุกคนต่างหันไปมองเป็นตาเดียว และก็ต้องตกใจกับ

ไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว

รูปภาพ
      เรื่องนี้ผ่านมาได้ 8-9 ปีแล้ว ตอนนั้นเราสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เลยต้องรีบย้ายจากต่างจังหวัดมาเช่าหอแห่งหนึ่งอยู่กับเพื่อนเรา เป็นหอนอกมีทั้งหมด 9 ชั้น อยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเลย เงียบสงบดูปลอดภัยดี อยู่ในซอยไม่เปลี่ยวมากเท่าไหร่ มีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งตลอดค่ะ ที่หอแห่งนี้จะมีทั้งพวกนักศึกษา และคนทำงานทั่วไปมาเช่าพักอยู่ ทำให้ค่อนข้างจะเต็มหมดทุกชั้นเราอยู่ไปปีแรกๆ ก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี จนมาปีสุดท้าย มีอยู่ช่วงหนึ่งเราต้องไปนอนเฝ้าพี่สาวเราที่โรงพยาบาล 2 คืน และคืนต่อมาเป็นคืนที่เราต้องกลับหอดึกมาก ประมาณตี 2 ค่ะ คืนนั้นวินมอเตอร์ไซค์ในซอยไม่มีสักคัน เราเลยต้องเดินกลับหอเอง แต่ก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่นัก เดินจนมาถึงหน้าหอ เราก็ดันลืมคีย์การ์ดไว้ที่ห้อง เลยต้องปลุกลุงยามที่นั่งหลับอยู่หน้าหอให้ช่วยเปิดประตูให้ ห้องเราจะอยู่ชั้น 5 นะคะ เราก็ขึ้นลิฟท์ไป พอประตูลิฟท์เปิดออก เราเห็นผมค่ะ ผมสีดำยาวอยู่ตรงหน้าเรา ห้อยลงมาจากด้านบนประตูลิฟท์ เราเลยมองตามขึ้นไป สิ่งที่เราเห็นคือใบหน้าผู้หญิงสภาพตาเหลือก ลิ้นจุกปาก และมีเชือกรัดที่คออยู่ กำลังห้อยหัวลงมาจากด้านนอก

ไม่รู้ว่าเพื่อนแฟนตาย

รูปภาพ
      ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเกือบ 10 ปีที่แล้ว ที่จังหวัดลำปาง ช่วงนั้นเราเพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานใหม่ๆ บ้านเราอยู่ไกลที่ทำงาน ก็เลยไปอยู่บ้านแฟนค่ะ คือชีวิตช่วงนั้นเหมือนแค่อาศัยนอนตอนกลางคืน กลางวันไปทำงาน กว่าจะกลับบ้านก็เย็นๆ ค่ำๆ เป็นแบบนี้ทุกวันค่ะ ส่วนแฟนเราทำงานเลิกไวกว่า เค้าก็จะกลับก่อน บ้านแฟนเราจะอยู่ในซอยตันนะคะ ทุกเย็นเรากลับมาก็จะเห็นแฟนเรานั่งสังสรรค์ กินเหล้ากับเพื่อนๆ หน้าปากซอยทุกวัน เราก็แวะบ้างไม่แวะบ้าง รู้จักกับเพื่อนแฟนทั้งกลุ่ม แต่ก็ไม่ถึงกับสนิทมาก ในกลุ่มแฟนจะมีพี่คนหนึ่งชื่อพี่เอฟ เค้าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก บ้านพี่เค้าอยู่ต่างตำบล แต่ก็ขี่รถมานั่งกินที่นี่ทุกวัน หลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตเดิมๆ ตามปกติ มีอยู่วันหนึ่งเราทะเลาะกับแฟน คืนนั้นเรากลับจากทำงานประมาณ 3 ทุ่ม เข้าซอยมา เราเจอพี่เอฟนั่งอยู่ปากซอยคนเดียว ก็เลยทักไปว่า ‘ทำไมมานั่งคนเดียว เพื่อนๆ ไปไหน?’ พี่เค้าก็แค่ยิ้มให้ ไม่ได้ตอบอะไร เราก็โอเคเข้าบ้านก่อนนะ หลังจากที่เราทะเลาะกับแฟน เราก็ไม่ได้คุยกับแฟนเลย แยกกันนอนคนละห้อง และวันต่อๆ มา เวลาเรากลับเข้าซอยบ้าน เราก็จะเจอพี่เอฟนั่งอยู่เหมือนเดิม เห็นอ

เครื่องรางที่ไม่ได้ช่วยอะไร

รูปภาพ
    เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกับแฟน (แฟนเราเป็นคนญี่ปุ่นนะคะ) เป็นเวลา 4 คืน 5 วัน เราไปถึงสนามบินนาริตะประมาณ 6 โมงเย็น จากนั้นก็ไปเอารถที่ศูนย์ฝากรถ และขับเข้าโตเกียว ไปเช็คอินที่โรงแรมย่านกินซ่าค่ะ เก็บของในห้องเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะ 2 ทุ่ม เลยออกไปหามื้อเย็นทานกัน กลับเข้ามาโรงแรมอีกทีก็เกือบ 4 ทุ่มได้ แล้วก็อาบน้ำ เข้านอน เราไม่ได้ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าพักนะคะ เพราะคิดว่าไม่ใช่เมืองไทย คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องผี หรือวิญญาณอะไรในหัวเลยด้วย มัวแต่ตื่นเต้นกับบ้านเมืองเค้าค่ะ ผ่านคืนแรกไปก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี แล้วเรื่องแปลกๆ ก็เริ่มตั้งแต่วันต่อมาค่ะ แฟนขับรถพาเราไปดูภูเขาไฟฟูจิ แต่เนื่องจากวันนั้นฝนตกปรอยๆ และอากาศหนาวมาก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นยอดภูเขาได้ค่ะ ก็เลยตกลงกันว่าจะขับรถเล่นดูรอบๆ แก้เบื่อ แล้วหาอะไรทานกัน แฟนเราก็ขับผ่านป่าแห่งหนึ่ง ชื่อว่า อาโอกิกาฮาระ และก็พูดกับเราว่า ‘ป่านี้ไง ที่เคยส่งรูปในไลน์ให้ดู’ ซึ่งแฟนเราเคยเล่าว่าเป็นป่าที่คนญี่ปุ่นชอบมาฆ่าตัวตายค่ะ จะมียิงตัวตายบ้าง ผูกคอตายบ้าง ก็แล้วแต่วิธีไป แต่ละปี

คำสุดท้ายที่ได้ยิน

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เรารู้จักกับคนชื่อเอฟ (นามสมมุติ) มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว เกิดวันเดียวกัน เดือนเดียวกันเลยค่ะ เราคุยกันมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนกันนะคะ ทะเลาะกันทุกวัน แต่พอเช้าวันต่อมาก็กลับมาดีกันเหมือนเดิม เป็นแบบนี้แทบจะทุกวันเลย จนมีอยู่วันหนึ่งเราทะเลาะกันหนักมาก จนเลิกคุยกันไปเลยประมาณ 5 เดือน แล้ววันหนึ่งเอฟก็กลับมาคุยกับเราอีกครั้งค่ะ แต่ครั้งนี้ที่กลับมา เอฟบอกเราว่าเขามีแฟนแล้วนะ เราก็เฉยๆ เพราะก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้ว เราคุยกันทุกวันเหมือนแต่ก่อนทั้งๆ ที่เอฟมีแฟนค่ะ เวลาเอฟทะเลาะกับแฟน ก็จะโทรมาหา มาปรึกษาว่าจะง้อยังไงดีให้ช่วยหน่อย เราก็ยินดีที่จะช่วยจนเอฟกับแฟนดีกันค่ะ เราคุยกันไปเรื่อยๆ จนผ่านไปได้ 2 เดือน อยู่ๆ เอฟก็ชวนเราไปเดินห้าง เราก็ไป ไปนั่งฟังเพลงกัน เอฟเปิดเพลง ‘คนตายที่ยังหายใจ’ ของแด็กซ์ ROCK ★ RIDER ให้ฟัง เอฟบอกว่าชอบเพลงนี้มากๆ ฟังจบเราก็เฉยๆ ค่ะ ไม่ได้คิดอะไร แล้วไปเดินเล่นกันต่อจนเย็นก็กลับบ้าน พอกลับบ้านมาก็ไม่ได้คุยกัน เพราะเอฟต้องคุยกับแฟน เราก็ไม่ได้อะไรค่ะ เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน เช้าวันหนึ่งก็มีเสียงโทรศัพท์จากเอฟเข้าม

เขาที่มาจากคืนฮัลโลวีน

รูปภาพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้วนะคะ คืนนั้นเป็นคืนวันฮัลโลวีน สำหรับเราแน่นอนว่าต้องมีปาร์ตี้สังสรรค์ เรากับเพื่อนๆ นัดกันไว้ประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง คือเราทำงานเป็นนักร้องกลางคืน ทำงานเสร็จแล้วเราถึงจะตามไปค่ะ เราเลิกงานช่วงประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ ก็เดินออกมาโบกแท็กซี่ตรงริมถนนหน้าร้านชื่อผลไม้สีแดง ย่านเกษตร-นวมินทร์ ยืนโบกไปประมาณ 10 นาทีได้ ก็ไม่มีคันไหนจอดรับเลย ซึ่งแปลกมากๆ เพราะอย่างน้อยก็น่าจะจอดถามว่าจะไปไหน ตอนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ นะคะ มันเหมือนมีใครมายืนอยู่ข้างๆ แต่ก็คิดว่าคงคิดไปเอง เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร และแล้วก็มีแท็กคันหนึ่ง เข้ามาส่งผู้โดยสารข้างในร้านพอดี เราเลยเดินกลับไปด้านใน รอให้ผู้โดยสารลงเพื่อจะขึ้นต่อ พอเราขึ้นรถปุ๊บก็บอกคนขับ ‘พี่คะ ไปสามวันฯ ค่ะ’ แท็กซี่ก็ขานรับ แต่ก็ยังไม่ออกรถ แล้วหันมาถามว่า ‘น้องมากันกี่คน? เพื่อนน้องคนเมื่อกี้ไปไหนแล้วล่ะ? ไม่ไปด้วยกันเหรอ?’ เราก็สตั๊นไป 4 วิค่ะ และตอบกลับไปว่า ‘หนูมาคนเดียวนะคะ..’ แท็กซี่ก็ทำหน้างงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ตอนนั้นเราก็เริ่มคิดละค่ะว่าคงโดนตามละ เราเลยถามไปว่า ‘พี่คะ แล้วลักษณะเค้าเป็นยังไงหรอคะ?’ พี่แท็กซี่ก็ตอ

ทะเลาะกันครั้งสุดท้าย

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้วนะคะ มันเป็นเรื่องที่คุณยายของเราเล่าให้ฟังค่ะ คือบ้านยายเราอยู่จังหวัดบุรีรัมย์ ห่างออกไปจากตัวเมืองมากพอสมควร บ้านยายจะมีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีต้นลั่นทมต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน ถัดไป 5 เมตรจะเป็นบ้านของเพื่อนบ้านที่ชื่อ โต โตแกอาศัยอยู่กับเมีย และก็ชอบมีปากมีเสียงกันรุนแรง บางวันที่ทะเลาะกัน ก็มักจะได้ยินเสียงตบตี โยนข้าวของเสียงดังโครมครามเสมอ เคยมีคนเข้าไปห้าม แต่ก็โดนด่าว่ายุ่งเรื่องของผัวเมีย จนต่างก็เลิกยุ่ง กลายเป็นเรื่องปกติของที่นี่ไป ทุกๆ เช้ามืด โตจะมายืนสูบบุหรี่ใต้ต้นลั่นทมหน้าบ้านยาย และคอยช่วยยายหิ้วของตักบาตร คนต่างจังหวัดส่วนมากจะตื่นเช้ากัน ยายก็ตื่นตี 5 เป็นปกติทุกวัน เพื่อมาหุงข้าวใส่บาตร จนมีอยู่วันหนึ่งตอนเช้ามืด ยายก็ลงมาหุงข้าวตามปกติ ตอนนั้นฟ้ายังไม่ทันสว่างดีเท่าไหร่นัก แต่วันนั้นยายก็แปลกใจ ที่ทำไมโตไม่มาช่วยหิ้วของไปที่ถนนเหมือนทุกวัน แล้วพระก็มาบิณฑบาตร ยายก็เดินไปตักบาตร ไหว้พระเรียบร้อย พอเสร็จกำลังจะกลับเข้าบ้าน ยายก็เห็นโตยืนอยู่ใต้ต้นลั่นทม คงมาสูบบุหรี่ตามปกติเหมือนทุกเช้า ยายก็ทักว่า ‘โต ทำไมไม่มาช่วยยายล่ะวัน

ที่จอดรถพิเศษ

รูปภาพ
      เรื่องนี้หลายปีแล้วนะครับ พอจบจากมหาวิทยาลัย ผมก็โชคดีได้งานเป็นเซลขายเครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อหนึ่งครับ ผมต้องวิ่งแถบปริมณฑลซะส่วนใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมได้เข้าไปเสนอขายที่โรงงานผลิตเม็ดโฟมแถวสมุทรปราการ พอขับรถเข้าไปที่ลานจอดรถ มันจะมีเส้นสีขาวตีเป็นช่องจอดรถอย่างเป็นระเบียบ แต่มีอยู่ช่องหนึ่งมันเตะตาผมมาก เพราะตรงปูนที่กันล้อเขาเอาสีแดงมาทา ทาแค่ช่องเดียวจากที่จอดรถทั้งหมดประมาณ 20 คัน ซึ่งตอนนั้นว่างโล่ง ไม่มีรถจอดเลยครับ และไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ ผมไม่ลังเลพุ่งเข้าไปจอดที่ช่องสีแดงนั้นทันที พอจอดรถเสร็จผมยังไม่ดับเครื่อง เพราะผมยังไม่ได้ผูกเน็คไท ระหว่างที่ผมผูกเน็คไทอยู่นั้น สายตาผมก็มองหายาม คิดในใจว่าเดี๋ยวจะต้องมียามมาไล่ผมไปจอดที่อื่นแน่ๆ เพราะช่องสีแดงนี้ คงแบบเป็นที่จอดรถสำหรับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือห้ามจอดอะไรอย่างนั้น และตอนนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถจนได้ครับ ‘ก่อกๆ’ มาจากทางฝั่งซ้ายมือผม ผมพูดว่า ‘ขอผูกแป๊บเดียว เดี๋ยวย้ายให้ครับ’ พร้อมกับหันไปดู แต่กลับไม่มีใครเลย ผมมองหารอบรถก็ไม่เจอ ทั้งๆ ที่ที่จอดรถตรงนั้นเป็นลานกว้าง แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่คิดอะไร สงสัยหูตัว

เพื่อนบอกลา

รูปภาพ
      ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อปอนด์ ครับ รู้จักกันเพราะเราอยู่ชมรมเต้นเหมือนกัน และค่อนข้างจะสนิทกันมาก ด้วยความที่ปอนด์เป็นคนตลก เฮฮา อีกทั้งไปเที่ยวหรืออยู่โรงเรียน ก็จะไปกินข้าวด้วยกันตลอด มีอยู่วันหนึ่งผมบังเอิญได้เหล้าฟรีมาขวดหนึ่ง ก็เลยชวนปอนด์มากินด้วยกัน แต่ว่าปอนด์ต้องกลับไปช่วยแม่ทำงานที่บ้านก่อนถึงจะมาได้ คืนนั้นพอซ้อมเต้นกันเสร็จก็แยกย้าย ผมกลับมารอปอนด์ที่บ้าน รอจนเกือบเที่ยงคืน เลยทักแชทไปด่ามันที่ให้รอนานมาก ผมทักไปว่า ‘มึง อยู่ไหนแล้ววะ? นานชิบหาย..’ มันตอบกลับมาว่า ‘กูอยู่ในใจมึงเสมอ..’ ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่ามันคงกวนตีนไปงั้นล่ะมั้ง อาทิตย์ต่อมาก่อนวันปีใหม่ 2-3 วัน ผมเดินออกมาปากซอย เจอเพื่อนที่รู้จักปอนด์เหมือนกันมาทัก ‘เฮ้ย แม็ค ปอนด์มันตายแล้วนะ เมื่อคืนมันรถชน คอหักตายคาที่เลย’ ผมไม่เชื่อ รีบโทรถามเพื่อนๆ แต่เพื่อนก็บอกว่าจริง ผมนี่ถึงกับช็อคเลยครับ พอถึงงานศพ ที่งานก็มีพี่ๆ ที่ซ้อมเต้นด้วยกันบอกว่า ‘เมื่อวันก่อนอยู่ๆ ปอนด์มันโทรมาหาพี่ว่ะ บอกว่า พี่อยู่ไหนผมอยากเจอพี่ ผมรักพี่นะ..’ ซึ่งปกติมันไม่เคยทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว และยังมีอีกหลายๆ คน ก็บอกในลักษณะเด

นึกว่าเพื่อนกระตุกแขน

รูปภาพ
      เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสมัยตอนผมเรียนอยู่ที่เชียงรายครับ ช่วงนั้นเป็นหน้าหนาว และผมต้องเข้าค่ายเก็บตัวนักกีฬาของโรงเรียน ผมกับเพื่อนกางเต๊นท์นอนกันในหอประชุม อากาศหนาวมากๆ ครับ โดยในหอประชุมจะมีเวทีกับมุมเก็บของที่วางเก้าอี้ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ก่อนนอนผมไปสูบบุหรี่กับเพื่อนหลังเวทีของหอประชุมครับ เพราะตรงนั้นจะมีหน้าต่าง เเละมันเปิดง่าย ไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดให้ครูคุมฝึกได้ยิน พอเปิดหน้าต่างไปก็เจอกับโรงเก็บของเก่าของภารโรงหลังเล็กๆ ด้านหลังจะมีต้นโพธิ์สูงใหญ่ เเต่มืดมากครับพอสูบบุหรี่ไปสักพัก เพื่อนผมก็บอกผมว่า ‘เนี่ยไอ้อาม มึงเป็นเด็กใหม่ มึงยังไม่รู้สินะ มึงเห็นตรงนั้นป่ะ?’ มันชี้ไปที่หลังโรงเก็บของเก่า และพูดต่อว่า ‘ตรงนั้นน่ะเล่ากันว่า เคยมีครูฝึกสอนผูกคอตายเพราะโรคซึมเศร้า เเต่พ่อกูบอกว่าจริงๆ คือถูกผีเข้าเเล้วมาผูกคอตาย’ ผมก็มองตามมันไป ขนผมลุกซู่เลยครับ เพราะเเค่ความมืดของมันผมก็กลัวเเล้ว จากนั้นผมเลยรีบสูบบุหรี่เเล้วกลับเข้าเต๊นท์นอน เพื่อนผมก็ปิดหน้าต่าง ล็อคเรียบร้อย เเล้วตามมาทีหลัง ก่อนนอนผมก็ถามมันว่า ‘แล้วมึงไม่กลัวมั่งเลยหรอวะ?’ มันตอบผมว่า ‘กลัวดิไอ้ห่า! รุ่นพี่ที่เค

ไม่กล้าบอกเพื่อน

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เป็นเรื่องสมัยเรายังเด็ก แต่ยังจำได้ดี เพราะเกิดขึ้นในคืนก่อนวันเกิดเรา คืนนั้นจำได้ว่าเรานอนอยู่ที่ห้องนอน กำลังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ เพราะที่โรงเรียนจะมีจัดงานวันเกิดในวันรุ่งขึ้น เราเลยโทรไปหาเพื่อนคนหนึ่ง ก็คุยเล่นกันไปเรื่อยจนถึงประมาณเที่ยงคืนได้ สักพักเราก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้องเรา ‘ก๊อกๆ’ ด้วยความตกใจ คิดว่าพ่ออาจจะได้ยินเราคุยโทรศัพท์หรือเปล่า เลยรีบเอาโทรศัพท์ซุกเข้าไปในหมอน โดยที่ยังไม่ได้วางสายจากเพื่อน แล้วคลุมผ้ามิดแกล้งทำเป็นหลับ จากนั้นก็มีเสียงเหมือนพยามจะบิดลูกบิดประตูเข้ามา ดัง ‘กึกๆๆ’ อยู่สักพัก แต่เราล็อคประตูห้องไว้ แล้วเสียงเคาะประตูก็มาอีกครั้ง คราวนี้เคาะแรงมาก! เราได้แต่เงียบ คิดในใจว่า ‘ไม่ได้นะ ถ้าไปเปิดประตูให้พ่อ พ่อก็รู้สิว่าเรายังไม่หลับ..’สักพักเสียงก็เงียบไป แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าคนเบียดพื้นไม้ดัง ‘เอี๊ยด อ๊าด’ เดินเข้ามา แว่บแรกเราก็คิดว่า ที่เงียบไปเมื่อกี้ พ่อคงเดินไปเอากุญแจมาไขแน่เลย แต่เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เราล็อคกลอนห้องไว้นี่! ซึ่งไม่มีใครสามารถไขกุญแจเปิดเข้ามาได้แน่นอน และพอเรารู้ตัวอีกที เสียงเท้

ทางลัดหนีด่าน

รูปภาพ
      เรื่องนี้ก็นานมาแล้วนะครับ ทุกๆ วันศุกร์ส่วนใหญ่ พวกผมกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม จะมีนัดสังสรรค์กันบ่อยๆ และวันนั้นก็เป็นอีกศุกร์หนึ่ง ที่พวกผมมีนัดกันครับ เวลาผ่านไปจนถึงช่วงค่ำ พวกผมซ้อมบอลกันเสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปอาบน้ำ และก็นัดกันว่าจะไปเจอกันที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มครับ คืนนั้นผมและเพื่อนๆ ก็นั่งดื่มสังสรรค์เฮฮากันไปเรื่อย จำได้ว่าตอนประมาณเวลาตี 2 กว่าๆ มีเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง ชื่ออั๋น ต้องรีบกลับบ้านกระทันหัน เพราะว่าแม่โทรมาตามครับ อั๋นขอให้ใครก็ได้ไปส่งหน่อย ผมเลยอาสาที่จะไปส่ง เพราะว่าเพื่อนๆ แต่ละคนก็เริ่มที่จะเมา และคงขับรถไม่ไหวกันแน่ๆ ผมขับรถออกมาส่งอั๋น เวลานั้นมืดมากๆ ถนนแทบไม่มีรถวิ่งเลย แต่พอขับได้เกือบจะถึงปากทาง ผมลดความเร็วลงเพราะว่ามีด่านตำรวจอยู่ข้างหน้า และผมไม่ได้พกใบขับขี่ออกมา ตัวผมก็มีกลิ่นแอลกอฮอล์อีกด้วย ผมเลยตัดสินใจกลับรถ เพื่อไปเข้าทางลัดทางอีกทาง ซึ่งสามารถออกไปปากทางได้เช่นกัน เรื่องของเรื่องคือเส้นทางลัดนี้มีบ้านเรือนไทยอยู่หนึ่งหลังครับ เก่ามากๆ ชาวบ้านแถวนั้นลือกันว่าเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย และชาวบ้านมักจะได้ยินเสียงดนต

เพิ่งคุยกันเมื่อวาน

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ผมอาศัยอยู่อำเภอๆ หนึ่งในโคราช ตอนนั้นยังเรียนอยู่มัธยมปลายครับ เป็นช่วงปิดเทอมพอดี แล้วผมก็ได้รู้จัก ส้ม (นามสมมุติ) คือเรียนที่เดียวกัน และบ้านอยู่ในระแวกเดียวกัน ส้มเองก็รู้จักกับครอบครัวผมด้วย อยู่มาวันหนึ่งส้มมาหาพี่สาวผมที่บ้าน บอกว่าจะมาขอยืมรองเท้าผ้าใบไปใช้ออกกำลังกายหน่อย พี่สาวผมก็ตกลง โดยเอารองเท้าไปซัก แล้วบอกส้มว่าพรุ่งนี้จะวางไว้หน้าบ้าน ส้มแวะมาเอาได้เลย เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ส้มก็กลับบ้านไป แล้วเรื่องเศร้าก็เกิดครับ ส้มเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนแบบกระทันหัน โดยรถส่วนตัวคันใหญ่ ไปกันทั้งหมด 9 คน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุ ยางรถระเบิดขึ้นมา ทำให้รถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ทำให้ส้มที่นั่งข้างคนขับกระเด็นออกจากรถ กระแทกพื้นเสียชีวิตทันที สรุปอุบัติเหตุครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 3 คน ที่เหลือบาดเจ็บสาหัส ผมได้ยินข่าวจากคนแถวบ้านแล้วรู้สึกเย็นที่เท้าขึ้นมายันท้ายทอยทันที เพราะเมื่อวานก็ยังยิ้มให้กันตามประสาคนรู้จัก วันนี้ส้มกลับมาเสียชีวิตกระทันหัน ผมทั้งเศร้า ทั้งสงสารครับ หลังจากวันเกิดเหตุ ผมเองเป็นคนกลัวผีมาก แต่กลับไม่รู้สึกก

คุณยายมาหาถึงบ้าน

รูปภาพ
      ย้อนไปสมัยเด็ก เรามียายที่ชอบตัดเย็บเสื้อผ้า ชื่อยายน้อย เป็นยายแท้ๆ ค่ะ ยายแกจะชอบส่งเสื้อผ้าสวยๆ มาให้ใส่ และพอปิดเทอมทีแม่ก็จะพาเราไปหา ไปนอนบ้านยาย พอหลายปีผ่านไป สมัยเราเรียน ปวช. วันหนึ่งก็มีโทรศัพท์จากญาติมาบอกว่า ยายน้อยเสียแล้ว ทุกคนได้ยินข่าวก็เสียใจกันมากค่ะ เย็นวันนั้น แม่กับพี่สาวจะไปงานศพยาย แต่ไม่มีใครอยู่เฝ้าบ้าน แม่เลยให้เราอยู่บ้าน เราก็บอกแม่ไปว่า ‘หนูก็อยากเจอยายนะแม่..’ แต่แม่ก็ไม่ให้เราไปอยู่ดี ตกเย็นฟ้าเริ่มมืด แม่กับพี่เราออกเดินทางกันไปแล้ว เราก็เข้าบ้านมาซักผ้า บ้านเราเป็นทาวเฮ้าส์ มีส่วนซักล้างอยู่ข้างๆ น่ะค่ะ เรานั่งซักผ้าในกะละมัง 2 มือซักไป คอก็เหน็บโทรศัพท์คุยกับแฟนไปด้วย กำลังหัวเราะคุยกันเพลินๆ ตาเราก็เหลือบไปเห็นเงาดำๆ ยืนขวางหน้าประตูรั้วทางเข้าบ้าน อยู่ห่างจากเราไปไม่ถึง 5 เมตร เห็นแว่บแรกก็ไม่อะไร เรารีบก้มต่ำลง เอื้อมไปล้างมือ แล้วเงยขึ้นอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเราตาฝาดไปหรือเปล่า ทีนี้เต็มๆ เลยค่ะ ชัดเลย ยายน้อยนั่นเอง! ยืนนิ่งขวางหน้าประตูอยู่ เราตกใจมากรีบบอกแฟน ‘เอ่อ ตัวเอง เค้าเจอผี ยายเค้ายืนอยู่หน้าบ้าน!’ ขณะที่คุยไป ตาเราก็ยังจ้อ

น้องกุมารที่ตามมา

รูปภาพ
      ย้อนกลับไปประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว สมัยเรายังเรียนมหาวิทยาลัย ปี 2 พอมีวันหยุด เรากับเพื่อนๆ มักจะชอบชวนกันไปเที่ยวตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นช่วงวันเข้าพรรษา เราก็ได้นัดกับเพื่อนๆ รวม 6 คน ไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดปราจีนบุรี เพราะที่บ้านเพื่อนคนนี้จะจัดงานบุญครั้งใหญ่พอดีค่ะ เรากับเพื่อนๆ ทุกคนออกเดินทางโดยรถตู้ประมาณ 7 โมงเช้าที่ท่ารถตู้รังสิต ถึงปราจีนบุรีก็เกือบ 11 โมงค่ะ ต่อรถมาจนถึงบ้านเพื่อน ทุกคนก็ทักทายพ่อแม่เพื่อนตามปกติ บ้านเพื่อนเราคนนี้บรรยากาศดีมาก หน้าบ้านเป็นที่นาปลูกข้าว มีต้นไม้ร่มรื่นทีเดียวเพื่อนเราก็ให้เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บในห้องกันก่อน เราก็เดินตามๆ กันขึ้นไป จนสายตาเราก็มองไปเห็นซอกเล็กๆ ตรงก่อนทางเข้าห้องนอนเพื่อน อยู่ๆ เราก็มีความรู้สึกว่าต้องเดินเข้าไปค่ะ แล้วเราก็เดินเข้าไป ซึ่งในนั้นก็จะมีแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูป เครื่องลางของขลัง เยอะแยะมากมาย เราเลยยกมือไหว้ แล้วก็เดินออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร ช่วง 2 วันที่อยู่บ้านเพื่อน เราไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไรเลยค่ะ จนช่วงเย็นใกล้เวลาต้องกลับแล้ว พ่อเพื่อนเลยให้คนขับรถที่บ้านขับไปส่งพวกเราที่กรุงเ

เกือบได้เป็นตัวตายตัวแทน

รูปภาพ
     เรื่องเล่านี้ผมไม่ได้เจอกับตัวเอง แต่ได้ฟังมาจากเพื่อนของผมชื่อ เจ (นามสมมติ) ซึ่งเจเป็นทอมนะครับ คืนนั้นเจได้นัดสังสรรค์กับแฟน และเพื่อนฝูงตามประสา พอเวลาสักประมาณเที่ยงคืน เจกับแฟนก็ขอแยกตัวกลับก่อน แต่ด้วยบรรยากาศคืนนั้นมันเหมือนมีอะไรดลใจให้ยังไม่อยากกลับบ้าน เจเลยชวนแฟนขึ้นไปเดินเล่นบนสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง โดยตั้งใจจะเดินข้ามไปอีกฝั่ง ซึ่งสะพานนี้จะมีทางรถไฟอยู่ด้วย เจกับแฟนเดินเล่นกันไปตามทางรถไฟ โดยถ้ารถไฟมา แน่นอนครับว่าต้องเห็น เดินไปได้สักประมาณกลางสะพาน เจกับแฟนก็ถ่ายรูปเล่นกันไปเรื่อย ถ่ายไปดูรูปไป จนพอหันหน้าขึ้นมาจากจอ ก็พบกับผู้หญิงวัยประมาณ 40 ปี หน้าตาหมองคล้ำ แต่งตัวมอซอเข้ามาถามว่า ‘จะเอาอะไรไหม?’ ตอนนั้นแฟนของเจกลัวจนตัวสั่น ส่วนเจก็งงๆ แต่ก็ตอบไปว่า ‘ขอเบียร์กระป๋องนึงละกัน..’ ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่า ‘ได้ แต่ต้องรออยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวมา’ เจกับแฟนก็ได้แต่จับมือกันยืนรออยู่ตรงนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องรอ รอไปได้ไม่ถึง 2 นาที เชื่อไหมครับ เสียงหวูดรถไฟดังสนั่น เจกับแฟนเล่าว่า ตอนนั้นเหมือนถูกสะกดจิตไว้เลย ไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นรถไฟเลย แต่สติก็ก

หันมาแค่หัว

รูปภาพ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมากแล้วนะคะ เป็นเหตุการณ์สมัยเราเรียน ม.2 ตอนนั้นต้องไปเข้าค่ายคุณธรรมที่สถานที่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครปฐมเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน เพื่อทำบุญบำเพ็ญประโยชน์ และทำกิจกรรมต่างๆ จะไปกันแค่ระดับชั้น ม.2 ซึ่งจะมีทั้งหมด 12 ห้อง เราอยู่ ม.2/5 ค่ะ พอไปถึง ทำกิจกรรมต่างๆ เสร็จ ก็เข้านอน ลักษณะสถานที่นอน จะให้นักเรียนนอนรวมกันในโถงใหญ่ โดยผนังข้างหนึ่งเป็นปูน อีกฝั่งเป็นกระจกใส คืนแรกพอสวดมนต์เสร็จก็นอนค่ะ ปกติดีไม่มีอะไร แต่เรื่องมันเกิดตอนคืนที่ 2 นี่ล่ะค่ะ เรากับเพื่อนๆ เริ่มคุ้นกับสถานที่ คืนนั้นเลยนั่งคุยนั่งเล่นกันดึกดื่น จนสักพักมีเพื่อนห้องอื่นคนหนึ่งลุกขึ้นร้อง ‘กรี๊ดดด’ เสียงดังมากๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องกรี๊ดกันอีกกว่า 10 คนตามมา เสียงดังจนอาจารย์ต้องเข้ามาดูกัน ช่วงนั้นชุลมุนวุ่นวายเลยค่ะ ไอ้เราก็เริ่มกลัว ตาก็มองไปรอบๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเราก็เริ่มเห็นอะไรแปลกๆ ค่ะ เราเห็นคนหลายคนที่ไม่ใช่ทั้งอาจารย์ และนักเรียน เดินปะปนอยู่ในห้องนี้! คือมันมีบางอย่างที่เราสัมผัสได้ว่า ไม่ใช่คนแน่ๆ คือตอนนั้นเราขนลุกขึ้นทั้งตัวเลยค่ะ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร และ

ไม่เอาอีกแล้วเสื้อมือ 2 ราคาถูก

รูปภาพ
       เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้วครับ สมัยผมเรียน ม.3 กำลังวัยรุ่น ออกจะเกเรนิดๆ ในกลุ่มผมจะมีกันอยู่ 4 คนครับ คือ อ๋อย เบน แป้ง และผม พวกผมจะชอบขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต่างอำเภอกัน เที่ยวงานวัด งานรื่นเริงอะไรพวกนั้น มีครั้งหนึ่งเป็นงานประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พวกผม 4 คน ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกัน กินเหล้า กินเบียร์ เล่นรถบั้มพ์ ปาโป่ง สนุกกันเต็มที่ครับ พอดึกได้ที่ ผมก็ชวนทั้ง 3 คนกลับบ้านกัน ซึ่งวันนั้นนัดกันจะนอนบ้านผม เพราะอยู่ใกล้สุด พอกำลังจะเดินออกจากงาน พวกผมก็ดันไปเจอร้านเสื้อผ้ามือ 2 หน้างานร้านหนึ่ง เลยชวนกันแวะดู ผมเหลือบไปเห็นเสื้อหนังสีน้ำตาลเงาวับแขวนอยู่หลังร้าน ก็รีบปรี่เข้าไปหยิบดู และถามราคาคนขายทันที คนขายก็อ้ำๆ อึ้งๆ บอกว่าตัวนี้ไม่อยากขาย จะเอาไว้โชว์ ไอ้ผมมันก็อยากได้ เลยอ้อนวอนคะยั้นคะยอให้ขาย จนสุดท้ายเจ้าของร้านก็ยอม โดยให้ราคา 300 บาท พวกผมนี่แบบ เฮ้ย!! เสื้อหนังแท้ขายแค่ 300 บ้าไปแล้ว ไม่ต้องถามเหตุผลครับ ผมซื้อเลยทันที จ่ายเงินเสร็จก็เดินออกมา ทีนี้ความรู้สึกเดิมๆ มันมาอีกแล้วครับ เสียวสันหลัง อึดอัด แบบบอก

เด็กที่ไหน

รูปภาพ
      เมื่อสักเกือบ 10 ปีก่อน ผมทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และได้รู้จักกับ เมย์ (นามสมมติ) ซึ่งเป็น PR ที่ร้านนั้น เมย์หน้าตาดี รูปร่างดี ผมชอบมากๆ เลยเดินหน้าจีบเมย์อย่างจริงจัง และสุดท้ายผมกับเมย์ก็ได้เป็นแฟนกันครับ ผมกับเมย์คบกันอยู่ได้ประมาณ 8 เดือน แต่สุดท้ายก็มีปัญหาจนทำให้เราต้องเลิกกันไป และหลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นกับผมครับ ช่วงนั้นผมเช่าห้องอยู่คนเดียว และผมก็ได้มาเจอกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อเตย (นามสมมติ) ช่วงแรกๆ ผมก็โทรจีบเตย คุยกันบ่อยๆ ครับ แต่ระหว่างที่โทรคุยกัน เตยมักจะถามผมว่า ‘อยู่กับหลานเหรอ? เสียงเด็กหัวเราะลั่นห้องเลย..’ ผมก็งง เพราะผมไม่ได้ยินอะไรเลย ทีวีก็ไม่ได้เปิด เลยบอกปัดไปว่า คงเป็นเสียงเด็กข้างห้องนั่นล่ะ ก็ยังไม่ได้คิดอะไรครับ จนมีอยู่วันหนึ่งเตยได้มานอนค้างที่ห้องผม และบ่ายนั้นเอง เพื่อนผมโทรมาจะชวนไปเตะบอล ผมกำลังเก็บของเลยเปิด Speaker phone ไว้ เพื่อนผมก็ถามว่า ‘เสียงเด็กที่ไหนวะ เล่นกับเด็กที่ไหนอยู่ หัวเราะหนวกหูเลย..’ ผมกับเตยมองหน้ากันทันทีโดยไม่ได้นัดหมายเลยครับ สรุปว่าวันนั้นผมไม่ได้ไปเตะบอลละ แต่ถู

เพื่อนสนิท

รูปภาพ
      เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเอ (นามสมมติ) เรา 2 คนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านก็อยู่ซอยเดียวกัน จนอายุได้ 16 ปี เอเกิดโชคร้าย เป็นมะเร็งที่ขาขวา ต้องตัดขาทิ้ง แล้วรักษาตามขั้นตอน ระหว่างรักษาก็อยู่บ้านเฉยๆ ผมก็ไปหาเอที่บ้านทุกวัน และจะมีอะไรมาเล่นสนุกๆ กันตลอดเพื่อไม่ให้เครียด แต่ที่ชอบที่สุด คือพาเด็กๆ แถวบ้านมาเล่นที่บ้านของเอ เล่นเกม PlayStation แนวสยองๆ บนชั้นบนของบ้าน แล้วก็ค่อยๆ ลงมาข้างล่างทีละคน เพื่อไปแอบหลังบ้าน แล้วสับคัตเอ้าท์ พวกเด็กๆ ที่โดนแกล้งบางคนกลัวจนร้องไห้ก็มีครับ พวกผมก็สนุกกันตามประสาเด็กโตแกล้งเด็กเล็ก จนอายุ 19 เอรักษามะเร็งไม่หาย และได้ลามไปทั่วร่างกายจนเสียชีวิตลง พอจบงานสวดศพเอคืนแรก กลับมาบ้านแม่ผมเล่าว่า ระหว่างที่เดินเข้าซอยกลับบ้าน แม่เห็นเอนั่งอยู่หน้าบ้านน้าฝั่งตรงข้าม ที่ที่เคยนั่งประจำทุกวัน แต่แม่ไม่กล้าพูดตอนนั้น แม่ผมจึงโทรไปบอกให้แฟนของเอกับแม่ของเอจุดธูปเรียกเอเข้าบ้านด้วย ตามความเชื่อโบราณ ผมเองได้ยินแม่เล่าอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าเสียเลยครับ พอเช้ามาแฟนเอมาหาผมแต่เช้า ถามผมว่าเมื่อคืนได้โทรมาแกล้งไหม? ผมก็งง ถามกล