เครื่องรางที่ไม่ได้ช่วยอะไร


    เมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกับแฟน (แฟนเราเป็นคนญี่ปุ่นนะคะ) เป็นเวลา 4 คืน 5 วัน เราไปถึงสนามบินนาริตะประมาณ 6 โมงเย็น จากนั้นก็ไปเอารถที่ศูนย์ฝากรถ และขับเข้าโตเกียว ไปเช็คอินที่โรงแรมย่านกินซ่าค่ะ เก็บของในห้องเสร็จเรียบร้อยก็เกือบจะ 2 ทุ่ม เลยออกไปหามื้อเย็นทานกัน กลับเข้ามาโรงแรมอีกทีก็เกือบ 4 ทุ่มได้ แล้วก็อาบน้ำ เข้านอน เราไม่ได้ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าพักนะคะ เพราะคิดว่าไม่ใช่เมืองไทย คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องผี หรือวิญญาณอะไรในหัวเลยด้วย มัวแต่ตื่นเต้นกับบ้านเมืองเค้าค่ะ ผ่านคืนแรกไปก็ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี แล้วเรื่องแปลกๆ ก็เริ่มตั้งแต่วันต่อมาค่ะ แฟนขับรถพาเราไปดูภูเขาไฟฟูจิ แต่เนื่องจากวันนั้นฝนตกปรอยๆ และอากาศหนาวมาก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นยอดภูเขาได้ค่ะ ก็เลยตกลงกันว่าจะขับรถเล่นดูรอบๆ แก้เบื่อ แล้วหาอะไรทานกัน แฟนเราก็ขับผ่านป่าแห่งหนึ่ง ชื่อว่า อาโอกิกาฮาระ และก็พูดกับเราว่า ‘ป่านี้ไง ที่เคยส่งรูปในไลน์ให้ดู’ ซึ่งแฟนเราเคยเล่าว่าเป็นป่าที่คนญี่ปุ่นชอบมาฆ่าตัวตายค่ะ จะมียิงตัวตายบ้าง ผูกคอตายบ้าง ก็แล้วแต่วิธีไป แต่ละปีก็จะมีหลายรายมากๆ คือจากรูปที่เราเคยดูในเว็บไซต์จะน่ากลัวมากค่ะ เพราะจะถ่ายตอนพบศพ หรือตอนมืด แต่สถานที่จริงก็เหมือนป่าทั่วๆ ไป และก็บรรยากาศดีด้วย เพราะมีทะเลสาบอยู่ข้างหน้า เราถามแฟนเล่นๆ ว่า ‘ป่านี้ก็มีผีเยอะเลยสิ กลัวอะ..’ แฟนเราบอกว่า ‘ไร้สาระ.. คนตายก็เหมือนปิดทีวี ตายไปแล้วทีวีก็ดับ ผีไม่มีจริงหรอก..’ แต่เราเถียงในใจว่าผีมีจริงๆ เพราะเราเป็นคนมีเซ้นส์ เคยเห็นที่เมืองไทยอยู่ 2-3 ครั้งพอก่อนกลับเข้าโตเกียวก็แวะไปศาลเจ้าแถวนั้น แฟนเราก็ให้เราเลือกเครื่องรางมาชิ้นหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่ได้บอกความหมาย เราก็เลือกเครื่องรางสีน้ำเงินมาค่ะ พอกลับมาที่โรงแรม เราก็เป็นไข้เลย อาจจะเพราะโดนฝน และอากาศหนาว ก็เลยอาบน้ำแช่น้ำอุ่นในอ่าง ระหว่างนั้นเอง หางตาเราก็เห็นที่ช่องใต้ประตูห้องน้ำ มีเงาคนเดินผ่านประตูห้องน้ำไป ไวมาก แต่ตอนนั้นเรานึกว่าแฟนเรา เลยตะโกนออกไปเล่นๆ ว่า ‘ทะลึ่ง! จะมาแอบดูเราอาบน้ำหรอ’ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาค่ะ จากนั้นเราก็ยังเห็นเงาผ่านประตูห้องน้ำไปอีก 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนใจแล้วค่ะ จนสักพักใหญ่ เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ออกไปจะนั่งดูทีวีกับแฟนในห้องนั่งเล่น แฟนเราทักคำแรกเลยว่า ‘อ้าว! เธอเข้าไปนอนแล้วไม่ใช่หรอ ออกมาเข้าห้องน้ำตอนไหนเนี่ย?’ เราก็งงค่ะ เพราะเราเพิ่งออกจากห้องน้ำมานี่เอง ยังไม่ได้เข้าไปห้องนอนเลย ผมก็ยังเปียกอยู่เลย ก็คิดว่าแฟนเราคงหลงๆ ลืมๆ หรือกวนประสาทเล่น เลยไม่ได้สนใจค่ะ จนเกือบๆ ตีหนึ่ง ก็เข้านอนกัน เราหัวถึงหมอนก็หลับเลยค่ะ แต่ก็มาตื่นอีกทีกลางดึก เพราะเราเวียนหัว และรู้สึกตัวร้อนค่ะ เราลืมตาขึ้นมาหน่อยนึง ภาพแรกที่เห็นคือ เงาดำๆ เป็นรูปร่างคน สูงประมาณ 150 – 155 ซม. ตัวผอมมากๆ เงานั้นยืนอยู่บนเตียง ตรงปลายเท้าเราเลย เราก็พยายามเพ่งมองว่าคืออะไร? จำได้ว่าเราเพ่งตามองอยู่พักหนึ่ง จนรู้ว่าเค้ามองกลับมาที่เราเหมือนกัน ตอนนั้นร่างกายเราตื่นเต็มที่แล้วค่ะ ไม่ใช่ฝันแน่ๆ แต่ความมืดทำให้เราไม่สามารถบอกได้ว่า เค้ามองกลับมาด้วยสายตาแบบไหน โกรธ เศร้า หรืออะไร พอเริ่มมั่นใจว่าไม่ใช่ตาฝาดไปแน่ๆ เราก็ร้อง ‘กรี๊ดดด’ เลยค่ะ มือข้างขวาเราก็ควานหาแฟน กะจะเขย่าตัวให้แฟนตื่น ปรากฏว่าโล่งสนิท!! แฟนเราไม่ได้อยู่บนเตียง ตอนนั้นน้ำตาเราไหลเป็นทางเลยค่ะ ทั้งห้องมีแค่เรากับเงานั้นจ้องกันอยู่ จนแฟนเราวิ่งเข้ามาในห้อง เราร้อง ‘กรี๊ดดดดด’ หนักกว่าเดิมอีกค่ะ เพราะเราเห็นมีเงาสีดำอีกเงาหนึ่งเดินตามหลังแฟนเราเข้ามา เราพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ หลับตาปี๋ ตอนนั้นเราจำได้ว่าแฟนเข้ามากอดเรา พยายามถามว่าเป็นอะไร? ไอ้เราก็กึ่งนั่งกึ่งนอน ตัวสั่น เอาหน้าซุกตรงอกแฟนเราแล้วก็ร้องไห้อย่างเดียวค่ะ เราไม่กล้าลืมตามองอะไรเลย และเราก็รู้สึกแปลกๆ อย่างหนึ่งค่ะ เพราะเรารู้สึกได้ถึงมือที่เกินมาค่ะ! มือหนึ่งโอบเรา มือหนึ่งลูบหัวเรา อีกมือหนึ่งลูบแขนเรา.. ตอนนั้นเรากลัวมากๆ เพราะไม่รู้ว่ามือที่เกินมานั้น คือมือไหน! ผ่านไปหลายนาที จนเราเริ่มหยุดร้องไห้ เราเอาหน้าออกจากอกแฟนแล้วค่อยๆ มองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ไม่เห็นอะไรแล้วค่ะ จากนี้ไปคือที่แฟนเราเล่านะคะ คือเค้าออกไปสูบบุหรี่ตอนตี 5 ค่ะ แล้วก็ได้ยินเสียงเราร้อง เค้าก็รีบวิ่งเข้ามาดู ตอนเค้าจะขึ้นเตียงมาหาเรา เค้าก็บอกว่าเห็นเงาดำๆ อยู่ตรงปลายเตียงเหมือนกันค่ะ แต่เห็นแค่แวบเดียวแล้วหายไป ส่วนตอนเราอาบน้ำ เค้ายืนยันว่าเห็นเราออกมาจากห้องน้ำเดินเข้าไปห้องนอนสักพักแล้ว ก่อนที่เราจะออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งตรงนี้เรากับแฟนงงมากๆ ว่าที่เห็นเราเดินเข้าไปห้องนอน ตกลงมันคืออะไรกันแน่? แฟนเราก็ถามว่า เราอยากย้ายห้องไหม? เค้าจะเปลี่ยนห้องให้ แต่ด้วยความที่คืนแรกมันก็ไม่มีปัญหาอะไร เราเลยไม่ย้ายค่ะ จนคืนที่ 3-4 ก็ไม่ได้เจออะไรแล้วค่ะ ส่วนเครื่องรางที่แฟนซื้อให้ แฟนบอกว่าความหมายคือ ‘ป้องกันภูติผีปีศาจ’ ค่ะ เราก็คิดในใจว่าไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย แต่ก็คิดอีกมุมว่า ถ้าไม่ได้เครื่องรางชิ้นนี้ เราอาจจะเจอหนักกว่านี้ก็เป็นได้ จนทุกวันนี้ก็ยังติดตัวไว้ตลอดค่ะ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง