เพื่อนสนิท


      เรื่องนี้ผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเอ (นามสมมติ) เรา 2 คนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านก็อยู่ซอยเดียวกัน จนอายุได้ 16 ปี เอเกิดโชคร้าย เป็นมะเร็งที่ขาขวา ต้องตัดขาทิ้ง แล้วรักษาตามขั้นตอน ระหว่างรักษาก็อยู่บ้านเฉยๆ ผมก็ไปหาเอที่บ้านทุกวัน และจะมีอะไรมาเล่นสนุกๆ กันตลอดเพื่อไม่ให้เครียด แต่ที่ชอบที่สุด คือพาเด็กๆ แถวบ้านมาเล่นที่บ้านของเอ เล่นเกม PlayStation แนวสยองๆ บนชั้นบนของบ้าน แล้วก็ค่อยๆ ลงมาข้างล่างทีละคน เพื่อไปแอบหลังบ้าน แล้วสับคัตเอ้าท์ พวกเด็กๆ ที่โดนแกล้งบางคนกลัวจนร้องไห้ก็มีครับ พวกผมก็สนุกกันตามประสาเด็กโตแกล้งเด็กเล็ก จนอายุ 19 เอรักษามะเร็งไม่หาย และได้ลามไปทั่วร่างกายจนเสียชีวิตลง พอจบงานสวดศพเอคืนแรก กลับมาบ้านแม่ผมเล่าว่า ระหว่างที่เดินเข้าซอยกลับบ้าน แม่เห็นเอนั่งอยู่หน้าบ้านน้าฝั่งตรงข้าม ที่ที่เคยนั่งประจำทุกวัน แต่แม่ไม่กล้าพูดตอนนั้น แม่ผมจึงโทรไปบอกให้แฟนของเอกับแม่ของเอจุดธูปเรียกเอเข้าบ้านด้วย ตามความเชื่อโบราณ ผมเองได้ยินแม่เล่าอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าเสียเลยครับ พอเช้ามาแฟนเอมาหาผมแต่เช้า ถามผมว่าเมื่อคืนได้โทรมาแกล้งไหม? ผมก็งง ถามกลับไปว่าแกล้งอะไร? จนแฟนเอเล่าให้ฟังว่า ‘เมื่อคืนมีคนโทรมา แล้วพูดว่าเปิดประตูให้เอหน่อย เอเข้าบ้านไม่ได้..’ แต่แฟนเอไม่กลัว และเดินลงมาเปิดประตูรั้ว และพูดคนเดียวว่า ‘มาเปิดประตูให้แล้วนะ เข้ามาบ้านได้เลย..’ ผมถึงกับอึ้ง เพราะตอนเออยู่ พวกเราเป็นคนขี้เล่น เคยโทรไปแกล้งเพื่อนๆ อำกันสารพัด แล้วตอนนั้นเอง น้าข้างบ้านเขามาได้ยินเข้า เขาเลยบอกว่า เขาเป็นคนโทรเองแหละ แต่นาทีนั้นผมไม่เชื่อเด็ดขาดครับ สถานการณ์แบบนี้ใครมันจะมีอารมณ์เล่น น้าเขาคงไม่อยากให้กลัวกันไปใหญ่มากกว่าครับ พอคุยกันเสร็จ ผมถามแฟนเอว่า ‘เมื่อคืนได้จุดธูปบอกเจ้าที่ อนุญาตให้เอเข้าบ้านหรือยัง?’ แฟนเอเงียบไปสักพัก ก่อนจะนึกได้ว่ายังไม่ได้ทำ เลยรีบกลับเข้าบ้านไปจุดธูปบอกเจ้าที่ทันที จนงานศพเอผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ พ่อแม่เอ และแฟนของเอต้องไปธุระต่างจังหวัดกันทั้งบ้าน เหลือแต่น้องชายเอที่ไม่ได้ไปเพราะติดสอบ แม่เอจึงมาวานให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนน้องที่บ้านหน่อย เอาล่ะสิครับ ทีแรกผมก็ไม่กล้ารับปาก บอกให้น้องมานอนบ้านผมแทนได้ไหม? แต่บ้านผมดันเลี้ยงแมวเยอะ น้องชายเอแพ้ขนแมว ผมจึงต้องจำใจไปนอนบ้านเอให้ครับ คืนนั้นยังไม่ทันดึก น้องชายเอก็หลับไปซะแล้ว เหลือผมนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว กะว่าคืนนี้ยังไงก็ไม่นอนแน่ๆ ครับ เพราะผมกลัวผีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงจะเพื่อนสนิทก็เถอะ ผมนั่งเล่นเกมไปจนถึงประมาณตี 1 และสิ่งที่ผมคิดไว้ในหัวมันก็เกิด.. ‘พรึ่บ’ ไฟดับครับ! ผมนี่นั่งนิ่ง แบบว่าหน้าชา ขนหัวลุกซู่ ทำอะไรไม่ถูกเลย พอตั้งสติได้ เลยไปสะกิดน้องชายเอให้ตื่น และไปเอาไฟฉายมา ผมลงมาชั้นล่างไฟไม่ดับครับ ดับแค่ในห้องที่พวกผมอยู่ ตอนลงมาชั้นล่าง ก็เหลือบไปเห็นที่นอนที่เอนอนประจำ ในใจก็คิดว่า อย่ามาให้กูเจอนะ กูกลัว แต่ก็ไม่เจออะไรครับ ผมก็คิดในแง่วิทยาศาสตร์ ว่าคงใช้ไฟเกินล่ะมั้งไฟเลยตัด พอสับคัตเอ้าท์ขึ้นเสร็จ ก็เดินขึ้นไปบนห้อง กำลังจะเปิดเครื่องเกม ‘พรึ่บ’ ไฟดับอีกครั้ง! พร้อมกับเสียงที่คุ้นเคยครับ ‘กึกๆ กึกๆ’ จากชั้นล่าง เสียงไม้เท้าของเอ! ผมนึกถึงตอนที่พาเด็กๆ แถวบ้านมาแกล้งเลยครับ แต่นี่มันของจริง ผมกลัวจนไม่ไหวแล้ว เลยพูดขึ้นมาว่า ‘อย่ามาแกล้งแบบนี้ น้องมันกลัวแล้ว กูก็กลัว รู้แล้วล่ะว่าอยู่ด้วย!’ แล้วเชื่อมั้ยครับ พอพูดจบไฟก็ติดขึ้นมาเอง โดยที่ผมไม่ต้องไปสับคัตเอ้าท์ขึ้นเลย! จากนั้นผมรีบเก็บของกลับบ้านผมทันที โดยที่มีน้องของเอตามมานอนด้วยครับ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง