สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนมาเตือน


      เรื่องที่กำลังจะเล่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา เพื่อน และรุ่นพี่อีกเกือบ 10 คน ที่เป็นพยานได้ในคืนนั้น ช่วงนั้นรุ่นพี่ ม.6 กำลังจะจบการศึกษา ก็ตามประสามีการจัดงานปัจฉิมนิเทศ แล้วก็อยู่กันถึงดึกดื่น นั่งคุยกันเอะอะเสียงดังบ้าง จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงประมาณเที่ยงคืน พวกเราก็มานั่งกันหน้าโรงเรียนเพื่อที่จะแยกย้ายกันกลับ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอยู่ต่อ ซึ่งก็คือกลุ่มเรา ต้องบอกก่อนว่าตรงหน้าโรงเรียนเราจะมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สูงเท่าตึก 3-4 ชั้นได้ กลุ่มเราจะนั่งกันตรงโต๊ะม้าหินหลังต้นไม้นี้ ห่างไปสักประมาณ 5 เมตรได้ นั่งคุยกันไปสักพัก เราก็เห็นลุงคนหนึ่งปั่นจักรยานผ่านมา มีคนซ้อนท้ายมาด้วย มาพร้อมกับเสียงกระดิ่งจักรยาน ‘กริ๊งๆๆ’ พอลุงแกขี่ผ่านต้นไม้ใหญ่ไป อยู่ๆ รุ่นพี่เราคนหนึ่งก็ร้อง ‘เหี้ย!’ เสียงดังขึ้นมา แล้วเค้าก็นิ่งไป พร้อมกับบอกพวกเราว่ารีบกลับบ้านกันเถอะ ไอ้เราก็รีบเก็บของเตรียมจะกลับ เพราะดูสีหน้าพี่เค้าแปลกๆ พอจะเดาได้ว่าคงไปเห็นอะไรเข้าแน่ๆ ระหว่างที่เก็บข้าวของกันนั้น ลุงคนเดิมก็ปั่นจักรยานกลับมา พร้อมเสียงกระดิ่งเป็นจังหวะ ‘กริ๊งๆๆ’ ครั้งนี้ทุกคนมองตามเสียงเป็นตาเดียว และก็เห็นเหมือนกันว่ามีคนซ้อนเป็นผู้หญิง ผมดำยาวจนปิดหน้า พอจักรยานผ่านหลังต้นไม้ไปเท่านั้นแหละ เห็นชัดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นกระโดดหายเข้าไปในต้นไม้ต่อหน้าต่อตาพวกเรา! พร้อมกับลุงที่ขี่จักรยาน ก็หันมายิ้มให้พวกเราด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในดวงตาลึกกลวง ไม่มีนัยน์ตา! แล้วก็ปั่นจักรยานหายไปในความมืด พวกเราทุกคนไม่พูดอะไรกันเลย เหมือนสื่อสารกันด้วยสายตารู้กัน เก็บกระเป๋าวิ่งแยกย้ายกันกลับบ้านทันที เช้าอีกวันพวกเรากับรุ่นพี่กลุ่มเมื่อคืนก็มาคุยกันว่าเห็นเหมือนกันใช่ไหม? ทุกคนตอบเสียงเดียวกันคือ ‘เห็น!’ เพราะภาพที่เห็น และเสียงมันชัดเจนมากจนเหมือนของจริง จากนั้นเราได้มีโอกาสไปคุยกับลุงยามที่เฝ้าโรงเรียน ถามถึงจักรยานปริศนาที่ปั่นผ่านหน้าโรงเรียน ลุงยามจึงได้เล่าให้ฟังว่า ‘เคยมีลุงคนหนึ่ง แกจะปั่นจักรยานเก็บของเก่าแถวโรงเรียน และบริเวณวัด แต่ลุงแกเพิ่งจะตายไปนะ โดนรถชนพร้อมกับจักรยานคู่ใจของแก ส่วนผู้หญิงที่ซ้อนมาถ้าให้เดา คงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียนเรานี่ล่ะ เรียกกันว่าแม่ประดู่ ซึ่งก็เป็นชื่อของต้นไม้ที่อยู่คู่ประจำโรงเรียนเราเช่นกัน ว่ากันว่าห้ามตัดเด็ดขาด ใครที่ตัดต้นไม้โดยไม่มีการทำพิธีขออนุญาติ จะต้องเกิดอาเพศหรือมีอันเป็นไป ท่านคงออกมาเตือนว่าดึกมากแล้ว ให้พวกเรากลับบ้านกันได้เเล้วล่ะมั้ง..’ หลังจากนั้นพวกเราก็ไม่เคยคิดจะอยู่ที่โรงเรียนดึกๆ กันอีกเลย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง