โดนจนเข้าโรงพยาบาล


    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ตอนนั้นนั้นเราอยู่ ม.ปลาย ทุกๆ ปี นักเรียนชั้น ม.5 จะได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาสีค่ะ และปีนั้นเราเองได้รับเลือกเป็นประธานสีด้วย ช่วงเตรียมงานกีฬาสีหลังเลิกเรียนเรากับเพื่อนๆ ก็จะอยู่ที่โรงเรียนต่อเพื่อทำอุปกรณ์กองเชียร์ กว่าจะกลับก็หลัง 6 โมงเย็นทุกวันค่ะ ห้องเรียนเราจะอยู่ชั้น 5 และในโรงเรียนก็จะเล่าต่อๆ กันมาว่าชั้นนี้ผีเฮี้ยนที่สุด และเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า ก็เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และเสียชีวิตในห้องเรียนห้องนี้อีกด้วยค่ะ ที่ชั้น 6 จะเป็นห้องนาฎศิลป์ที่ไม่มีใครกล้าขึ้นไปหลัง 6 โมงเย็น แม้แต่ครูประจำห้องเองก็ตาม เรากับเพื่อนๆ เอง ก็เคยรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ อยู่บ่อยๆ เช่น เสียงดนตรีไทยดังขึ้นมาเองบ้าง เงาคนเดินไปมาบริเวณหลังห้องบ้าง แต่พยายามไม่คิดมากค่ะ และตัวเราจะค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องผีอยู่บ้าง เพราะบรรพบุรุษเราเป็นครูที่มีวิชาไสยศาสตร์ จนมาวันหนึ่งหลังเลิกเรียน ประมาณ 2 ทุ่มกว่า ที่ลานด้านล่างขณะที่เพื่อนๆ ซ้อมลีดเสร็จ เราก็นั่งวาดฉากจนเสร็จแล้ว อยู่ๆ ฟ้าก็ครึ้มเหมือนฝนจะตก เราเลยชวนเพื่อน 4 คนในกลุ่มไปเก็บฉากกัน ตอนแรกไม่มีใครอยากไป เพราะรู้ว่าข้างบนมันมืด และก็น่ากลัว เนื่องจากภารโรงปิดไฟตึกหมดแล้ว แต่ทุกคนก็จำเป็นต้องไป เพราะถ้าเอาฉากไว้ข้างล่างนี้ ฝนตกใส่ฉาก ฉากพังแน่ๆ พวกเราเดินขึ้นบันไดจากชั้น 1 ค่อนข้างมืดมาก เพราะไม่มีไฟ ต้องใช้ไฟจากมือถือเอา ตอนนั้นเรารู้ว่าเพื่อนๆ กลัวกัน เราเองก็กลัวเหมือนกัน แต่เราก็บอกเพื่อนว่า ‘ถ้าเจออะไร หรือเห็นอะไร อย่าวิ่งเด็ดขาด..’ พวกเราเดินส่องไฟไปเรื่อยๆ จนถึงชั้น 4 ค่ะ จู่ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งหน้าซีด ยืนตัวสั่น เหมือนเห็นอะไรบางอย่าง เราเลยไปจับมือเพื่อนไว้ เดินขึ้นไปจนถึงชั้น 5 เอาฉากไปเก็บให้ห้อง แต่ประตูห้องเปิดไม่ออกค่ะ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ล็อค เหมือนมันติดอะไรอยู่ เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเลยใช้เท้ายันเข้าไปอย่างแรง จนประตูเปิดไปกระแทกผนังเสียงดังโครม! เพื่อนบางคนก็ตกใจเสียง ร้องกรี๊ดลั่นกัน ก็ขำๆ กันไป ทั้งที่ก็กลัวค่ะ พอพวกเราเก็บฉากไว้หลังห้องเสร็จ ก็รีบจูงมือกันเดินลงทันที พอถึงชั้น 4 เพื่อนที่เราจูงมืออยู่ก็ตัวสั่น บีบมือเราแน่นมาก ตอนนั้นเราคิดละว่าเพื่อนต้องเห็นอะไรบางอย่างแน่นอน จนเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เราเลยถามเพื่อนคนนั้นว่า เมื่อกี้กลัวอะไร? แต่เพื่อนไม่ตอบ ยังคงตัวสั่น ได้แต่เดินก้มหน้าอย่างเดียว จนพวกเราจะแยกกันขึ้นรถกลับบ้านแล้ว อยู่ๆ เพื่อนคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า ‘เค้าตามมา เค้าไม่พอใจ..’ พูดแบบนั้นอยู่ประมาณ 3 ครั้ง แล้วก็เดินขึ้นรถไป ผ่านไปจนเช้าของอีกวัน ขณะที่เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ อยู่ๆ ก็รู้สึกแน่นหน้าอก ตัวร้อน และได้ยินเสียงกระซิบว่า ‘อย่าไปนะ..’ เราก็งงๆ แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าข้างในตัวเราร้อนมากๆ เลยคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานรึเปล่า เราเลยไปขอกินน้ำมนต์ของพ่อ และโทรไปบอกเพื่อนในกลุ่มว่า ‘วันนี้ลา ไม่ไปโรงเรียนนะ..’ และพอหลังจากกินน้ำมนต์ อาการแน่นหน้าอก ตัวร้อนก็หายไปทันที เวลาประมาณ 10 โมง ขณะที่เรากำลังจะเผลอหลับอีกรอบ อยู่ๆ เพื่อนคนหนึ่งในห้องก็โทรมาด้วยน้ำเสียงตกใจ บอกว่า ‘เกิดเรื่องใหญ่แล้ว อยู่ๆ เพื่อนในกลุ่มเรา 4 คนก็ช็อคหมดสติไปเลย ตอนนี้รถพยาบาลมารับแล้ว กำลังไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯ’ตอนนั้นเราตกใจมาก และคิดว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานแน่นอน เราเลยเตรียมสายสิญจน์ของที่บ้านติดไปด้วย แล้วไปโรงพยาบาลทันที ไปถึง ภาพที่เห็นคือ เพื่อน 4 คนนั้นนอนใช้เครื่องช่วยหายใจ และไม่มีสติทุกคน และที่ดูผิดปกติคือ ทุกคนดูผิวคล้ำๆ หมองๆ บอกไม่ถูก เราเลยรีบไปหาครูที่เป็นคนพาเพื่อนทั้ง 4 คนมาส่ง บอกครูว่า ‘หนูเอาสายสิญจน์มา ให้ครูไปใส่ให้เพื่อนหนูได้มั้ย?’ แต่ทีแรกครูก็บอกไร้สาระ เพื่อนแค่พักผ่อนไม่เพียงพอเลยเกิดอาการช็อค แต่เราบอกว่า ‘งั้นหนูจะไปใส่เอง ครูไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร..’ ครูก็เริ่มใจอ่อนรับสายสิญจน์ไป และเข้าไปใส่ให้เพื่อนเราทั้ง 4 คน ส่วนเราก็มานั่งรอที่หน้าห้อง สักพักครูก็ออกมา สีหน้าดูแปลกไป บอกเราว่า ‘เรื่องเมื่อกี้ครูเชื่อเธอ เพราะตอนที่ครูผูกสายสิญจน์ให้เพื่อนเธอ ครูเห็นมีเงาผู้ชายมายืนจ้องเพื่อนๆ เธอ ก่อนจะหันมาทางครู และพูดว่า ‘มึงอย่ามายุ่ง!’ ครูถามเราว่า พวกเราไปทำอะไรมารึเปล่า? เราเลยเล่าเรื่องที่เอาฉากไปเก็บชั้น 5 ตอนกลางคืนให้ฟัง ครูบอกว่าโรงเรียนเราอยู่ในวัด มีเจ้าที่ และสัมภเวสีอาศัยอยู่เยอะ เราคงไปทำอะไรบางอย่างให้เค้าไม่พอใจ ไปขอขมาเค้าซะ เราเฝ้าเพื่อนจน 6 โมงเย็นก็กลับบ้าน เพราะพ่อแม่ของเพื่อนๆ เริ่มมากันครบแล้ว เช้าวันถัดมาเพื่อนๆ ก็ออกจากโรงพยาบาล พอดีเป็นวันหยุดพวกเราเลยนัดกันมานั่งคุยว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น..? เพื่อนทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘เห็นเงาผู้ชายพุ่งทะลุผ่านตัวไป แล้วจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องเลย’ และคืนที่ไปเก็บฉาก เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ‘เห็นผู้ชายเดินตามหลังมาตั้งแต่ชั้น 3 เลย..’ ทุกคนได้ฟังก็ขนลุกกันถ้วนหน้า หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็ไปขอขมาเจ้าที่ที่โรงเรียน และหลังจากนั้นก็ยังไม่เคยได้เจอเรื่องแบบนี้อีกเลยค่ะ เรื่องนี้สอนให้พวกเรารู้ว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ควรจะเคารพสถานที่ ถึงจะไม่เห็นว่ามีใครอยู่ แต่พวกเค้าอาจจะเห็นเราอยู่ก็เป็นได้


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง