เจอปุ๊บ เลิกทำตัวเหลวไหลปั๊บ


      ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางเขน และได้พักอยู่อพาร์ทเม้นท์ในซอย อยู่กับรูมเมทชื่อ ส้ม ค่ะ เจ้าของอพาร์ทเม้นท์นี้เป็นทหารที่ค่อนข้างจะเข้มงวดมาก จะขึ้นห้องก็ต้องถอดรองเท้าถือขึ้นไป สมัยนั้นเราเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืน ดื่มเหล้าเฮฮาตามประสาวัยรุ่น บางทีกลับมาจากเที่ยว ก็จะมีเพื่อนคนอื่นกลับมานอนด้วย ทั้งหญิงชาย และเก้งกวาง คือเพื่อนๆ กันทั้งนั้น ไม่มีอะไร แต่เจ้าของหอที่เป็นทหาร จะชอบมายืนมองพวกเราเดินขึ้นหอ เหมือนจะจับผิด ซึ่งพวกเราก็ไม่ค่อยจะชอบเขาเท่าไหร่นัก ขึ้นมาห้องก็บ่นๆ กันตามประสา มีอยู่คืนหนึ่งที่เรากับส้มไม่ได้ออกไปเที่ยวเพราะฝนตก เรา 2 คนก็เปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์ฟังกันในห้อง เราก็บอกส้มว่า ‘เออ บรรยากาศแม่งได้ว่ะมึง ไปซื้อเบียร์มากินกันป่ะ?’ ส้มก็เห็นดีเห็นงามด้วย จึงไปซื้อเบียร์กันที่เซเว่นหน้าปากซอยเข้ามา 6 ขวด ก็นั่งกินเบียร์ ฟังเพลงกันไปเรื่อยเปื่อย ฝนก็ตกพรำๆ ทั้งคืนเย็นสบาย เราเลยไปเปิดประตูหลังห้องที่ต่อกับระเบียง เพื่อให้อากาศเย็นๆ เข้ามา เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่พวกเรานั่งคุยกันไป กินเบียร์กันไปยังไม่ทันหมด อยู่ๆ ประตูหลังห้องก็ปิดเข้ามา ‘ปึ้ง!’ เสียงดัง ทำให้ส้มตกใจมาก แต่เราเองคิดว่าคงเป็นลมฝนพัดมามั้ง จึงเดินไปเปิด และคล้องตะขอไว้ด้วย กลับมานั่งกินต่ออีก จนประมาณขวดที่ 3 ประตูหลังห้องก็ปิด ‘ปึ้ง!’ เข้ามาอย่างแรงอีกครั้ง ตอนนั้นเรากับส้มมองหน้ากันแบบเอาไงดี? ส้มเป็นคนที่กลัวผีมาก ส้มเลยพูดออกมาว่า ‘ผีหรือป่าววะมึง?’ เราเองที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ เลยปลอบส้มว่า ‘คิดมากน่า ลมมันแรงก็งี้แหละ..’ ส้มมันเลยบอกว่า ‘ไม่ต้องเปิดแล้วนะประตู กูไม่กินละ นอนดีกว่า ขอสวดมนต์ก่อน’ เราเลยไปล็อคกลอนประตูหลังห้อง แล้วเก็บเบียร์เข้าตู้เย็น ปิดเพลง ปิดคอม ถอดปลั๊กเรียบร้อย เราปิดไฟ และเข้านอนก่อน โดยที่ส้มยังนั่งสวดมนต์อยู่ข้างๆ นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราหลับไป แต่ก็ต้องตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียง ‘ปึ้ง!’ อีกครั้ง เราสะดุ้งสุดตัว และมองหาที่มาของเสียง คุณพระ! ประตูหลังห้องมันเปิด และกระแทกปิดเข้ามาอีกแล้ว! มันเปิดเองได้ยังไง? ในเมื่อเราเป็นคนใส่กลอนเองกับมือ เรารีบคว้าแขนส้มแล้วเขย่าอย่างแรง แต่ส้มกลับนอนนิ่งไม่ยอมตื่น ทั้งๆ ที่เสียงประตูดังมาก เราเลยตัดสินใจลุกขึ้นไปปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง ล็อคกลอนอย่างดี ขณะที่กำลังใส่กลอนอยู่ ก็มีแสงสะท้อนสว่างวาบมาจากด้านหลัง เราจึงหันกลับไปดูทันที ปรากฏว่าเป็นแสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดขึ้นมา! แต่ใครเปิดล่ะ? เพราะส้มก็หลับ และที่สำคัญเราถอดปลั๊กออกหมดแล้วตั้งแต่ก่อนนอน! ตอนนั้นเราได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ไฟมันคงจะค้าง คอมมันเลยสตาร์ทตัวเองใหม่ แต่สติก็ไม่อยู่กับตัวแล้วล่ะค่ะ พยายามปลุกส้มกี่ทีๆ ก็ไม่ตื่น เลยสวดมนต์แผ่เมตตา และนอนคลุมโปง เราหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่มารู้สึกตัวอีกทีคือสลึมสะลือ และรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้เลย ลืมตามาเห็นก็ชายแก่ผมยาว มวยผมขึ้นไปที่กลางศีรษะ ใส่ชุดขาว ลักษณะเหมือนฤาษี หรือพราหมณ์อะไรประมาณนั้น และเขาพูดขึ้นว่า ‘ทำไมพาส้มออกนอกลู่นอกทาง ไม่ตั้งใจร่ำเรียน ต่อไปนี้ให้ตั้งใจให้สำเร็จ อย่าประพฤติตนเช่นนี้อีก..’ แล้วเขาก็หายไป ส่วนเราก็เริ่มขยับตัวได้ จึงหันไปมองส้ม ปรากฏว่าส้มตื่นอยู่ มีน้ำตาไหลพราก และมือจับสร้อยพระที่คล้องคออยู่แน่น เราจึงบอกส้มว่า ‘กูโดนผีอำว่ะ..’ ส้มก็ตอบกลับมาว่า ‘เออ กูก็โดนเหมือนกันว่ะ..’เราก็รีบเล่าให้ส้มฟังว่าเจออะไร ส่วนส้มเล่าว่า ‘เห็นชายแก่ชุดขาว มวยผมมายืนอยู่ปลายเตียงเหมือนกัน แต่คำพูดต่างกัน เขาพูดกับกูว่า ให้ตั้งใจร่ำเรียนให้สมกับที่พ่อภาวนาให้เสมอ..’ เราจึงถามส้มกลับไปว่ามันหมายความว่ายังไง? ส้มตอบว่า ‘ก็ชายแก่ที่มายืนให้เห็น เขาเหมือนปู่ฤาษีที่อยู่ที่จี้พระกูเลย..’ เราจึงขอดูจี้พระอันนั้น ซึ่งด้านหนึ่งเป็นพระสีวลี แต่อีกด้านหนึ่งเป็นหินแกะสลักรูปชายแก่คนที่มายืนที่ปลายเตียงจริง เหมือนมากๆ เรานี่ถึงกับขนลุกเลยค่ะ! หลังจากวันนั้นส้มก็ได้โทรถามพ่อว่าท่านเป็นใคร และได้ความว่าท่านคือปู่แก่บรรพบุรุษของที่บ้าน และเป็นผู้ทรงศีลขั้นสูง ตั้งแต่คืนนั้นเรากับส้มก็ไม่กล้าไปเที่ยวกลางคืน และดื่มเหล้าอีกเลยค่ะ อาจจะฟังดูเกินจริง แต่ขอบอกว่าเป็นเรื่องจริงค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง