ขบวนรถไฟผี


      วันนี้ก็มีเรื่องเล่าของบุคคลท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นผมยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 8-9 ขวบ ผมเป็นคนที่ติดพ่อมาก เวลาพ่อจะไปทำงาน ผมมักจะงอแงและตื๊อพ่อขอไปทำงานด้วย วันหนึ่งพ่อต้องไปทำงานตอนกลางคืน พ่อก้ได้ตื๊อพ่อจนสำเร็จ และได้ไปทำงานกับพ่อ พวกเราได้นั่งรถไฟไปไม่นาน เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในดารอ่านด้วยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า...ผมเป็นลูกแหง่ติดพ่อครับ สมัยผมเด็ก ๆ มักจะร้องงอแงไปทำงานกับพ่อด้วย ติดพ่อมากถึงขนาดเอาเชือกผูกไว้กับขาพ่อ เพื่อที่ตื่นไปทำงานกับพ่อด้วย ครั้งหนึ่งพ่อผมต้องไปทำงานตอน ห้าทุ่ม ตอนนั้นผมอยู่ ป.3 อยากไปทำงานกับพ่อมาก ๆ แต่กลัวพ่อไม่ให้ไปเพราะพรุ่งนี้ต้องเรียนหนังสือและพ่อผมมักจะแอบลุกจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน โดยที่ผมยังหลับอยู่ ผมเลยเอาเชือกผูกปลายเท้าพ่อไว้กับปลายเท้าของผม พอพ่อจะตื่นไปทำงานเชือกจะกระตุกและผมก็จะตื่นและขอไปด้วย สรุปว่าด้วยการตื้อของผมก็ได้ไปทำงานกับพ่อในที่สุด ขบวนที่ไปวันนั้นเป็นขบวนรถสินค้ามีหัวรถจักรหนึ่งตู้ ตู้สินค้า 12 ตู้ และตู้ พห. ตู้ รถสัมภาระมีเครื่องห้ามล้อ ซึ่งตู้นี้คือตู้ที่พนักงานใช้ทำงานอยู่บนขบวนรถ มี พหล พรร(พ่อผม) และ ไอ้เด็กติดพ่อ รวม 3 ชีวิตขณะที่รถไฟแล่นไปเรื่อย ๆ เวลาขณะนั้นประมาณ ตี 2 ก็เกิดเหตุการณ์หัวจักรเสียต้องจอดรอเปลี่ยนหัวจักรใหม่ ตอนนั้นรถจอดนิ่ง ๆ รอหัวรถจักร กลางป่าเขามืด ๆ ไฟไม่มีในตู้ พห. นั้นมืดมากเพราะหลอดไฟบนตู้เสีย ผมเลยเดินออกมาที่ท้ายตู้ พห. ซึ่งท้ายตู้พห.นี้ จะมีคล้าย ๆ พวงมาลัย ซึ่งเอาไว้ห้ามล้อ ผมก็มายืนเกาะเอาไว้ มองไปรอบ ๆก็ยังพอมองเห็นอะไรบ้างจากแสงพระจันทร์ ผมมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเป็นป่า ภูเขา ดูแล้วไม่น่าจะมีบ้านคนแถวนี้ ขณะที่มองเพลิน ๆอยู่นั้น ผมก็สังเกตุเห็นแสงไฟสปอดไลท์ สว่าง ๆ มาทาง หัวขบวน เหมือนจะมีรถไฟอีกขบวนวิ่งสวนมา ผมก็ไม่สนใจมาก แต่พอขบวนเริ่มเข้ามาใกล้ผมก็มองไปเป็นขบวนรถโดยสารแต่ตู้โบกี้แปลกมาก เหมือนเป็นโบกี้ที่เลิกใช้งานแล้ว มันดูเก่าและโทรมมาก ๆ รถไฟขบวนนี้วิ่งช้า ๆ ผิดสังเกตุ ผมมองไปที่ตู้โดยสารเห็นผู้โดยสารนั่งกันปกติแต่ที่แปลกคือ ทุกคนนั่งหันหน้ามองกันและกัน หน้านิ่ง ๆ จ้องหนัากันอยู่(เขาจ้องหน้ากันเองไม่ได้มองมาที่ผม) แต่เมื่อผมมองไปซักพัก ผู้โดยสารเหล่านั้นเริ่มหันมามองที่ผมพร้อมกัน ตอนนั้นผมรู้สึกแปลก ๆ แล้วต่อมาทุกคนเริ่มยิ้มให้ผม แต่ปากของแต่ละคนค่อย ๆกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบถึงใบหู ตอนนั้นผมอึ้ง บอกไม่ถูกว่ากลัวหรือเปล่า แต่มันก้าวขาไม่ออก ผมยืนดูรถขบวนนั้นค่อย ๆ วิ่งผ่านไปช้า ๆ ทุกคนยังยิ้มมาที่ผมและ ขบวนรถนั้นก็ค่อยวิ่งหายไปในความมืด เข้าไปในป่าอีกด้านผมยังยืนเกาะอยู่ที่พวงมาลัยห้ามล้อ ตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ยืนตรงนั้นนานแค่ไหน จนพ่อเดินมาเรียกให้เข้าไปในตู้ เพราะรถหัวจักรมาเปลี่ยนแล้ว ขบวนรถของผมจึงค่อย ๆ วิ่งจากจุดเกิดเหตุนั้นไปต่อ เมื่อถึงสถานีปลายทางในตอนเช้า ผมยังไม่เล่าเรื่องนี้ให้พ่อฟัง แต่ถามพ่อว่าช่วงเวลานั้นที่เรารอเปลี่ยนหัวจักรอยู่กลางเขา ได้มีขบวนรถโดยสาร วิ่งสวนมาหรือไม่ พ่อบอกไม่มีเพราะทางนั้นมีรางรถไฟแค่รางเดียวคือรางที่ขบวนผมอยู่ จะมีขบวนอื่นสวนมาได้ยังไงแค่นั้นแหละ ผมกลับเข้าไปนอนในรันนิ่ง และ ยกเลิกการเที่ยวในวันนั้นทุกรายการ ทั้งที่พ่อจะพาไปเล่นน้ำตก และเมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้พ่อฟัง พ่อบอกว่าที่ตรงนั้นเคยมีอุบัติเหตุรถไฟตกราง และตู้โบกี้ตกเขาด้วย มีผู้เสียชีวิตมากมาย และหลังจากนั้นผมก็ไม่ค่อยงอแงร้องตามพ่อไปทำงาน แต่ก็ขอไปบ้างนาน ๆ ที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง