ท่านเจ้าที่มาขอความช่วยเหลือ


      วันนี้ก็มีเรื่องเล่าของบุคคลท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนครับ ตอนนั้นผมกับภรรยาได้เข้ารับราชการในจังหวัดแห่งหนึ่ง โดยที่นั่นดูเงียบและวังเวงมาก แต่ก็มีข้อดี เพราะว่าผมกับภรรยาจะชอบนั่งสมาธิและเดินจงกรม สงบดี ก็จะมีแค่เสียงมาเห่าหอนเท่านั้น มีอยู่คินหนึ่ง ผมก็ได้ทำสมาธิเหมือนเคยตามปกติ แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดเกิดขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า...ผมและภรรยาเป็นคนกรุงเทพ ออกมารับราชการ ห่างจากเมืองหลวงเกือบ 100 กม. แต่ก็เพราะผมเองมีญาติห่างๆทางคุณแม่ในจังหวัด จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เราสองคนจึงเลือกที่นี่แต่ก็ไม่วาย ติดนิสัยนอนดึกตื่นสายมาตั้งแต่วัยรุ่น แต่พออยู่ต่างจังหวัด หลังเที่ยงคืนนี่เงียบมากๆกระทั่งเสียงรถจากถนนใหญ่ นานๆ จึงจะได้ยินซักคันนึง คืนนี้ก็เป็นคืนที่เงียบมากๆ อีกคืนหนึ่ง อาจเพราะเป็นบ้านหลังสุดท้ายก็ดี รถไม่ผ่าน คนไม่เดินจะมีแต่ก็เสียงน้องหมาเจ้าถิ่น เห่ายังไม่เท่าไร หอนที่ไรนี่อดขนลุกตามทุกที และโดยเฉพาะเมื่อต่างคนต่างเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆหน่อย พอไม่อยู่พร้อมๆ กันแค่ 2-3 หลังมองหาแสงไฟหน้าต่างบ้านไหน ก็มีแต่ความมืด มันยิ่งดูวังเวงขึ้นอีกไม่รู้กี่เท่า เราสองคนปฏิบัติธรรมครับ พากันนั่งสมาธิเดินจงกรมก่อนนอน โดยส่วนมากจะไม่รอกัน ใครหมดธุระ ถึงเวลาอันสมควร ก็ต่างคนต่างนอน เอาจริงๆ ผมก็ตี 1 เศษๆทุกวัน ส่วนภรรยาผมมักจะหลับก่อน วันนี้ก็เช่นกันทำงานมาทั้งวัน คิดเยอะ กว่าจะนั่งจนสงบก็นานทีเดียว ความเงียบแม้จะชวนวังเวงอีกด้านหนึ่ง กลับเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ของสมาธิ  โดยปกติของสมาธิ เมื่อถึงความสงบตั้งมั่นระดับหนึ่ง ใจจะไม่แส่ส่ายไปตามอคติ หรือกิเลสหยาบๆ เมื่อรับรู้อะไรมักจะรู้ได้จริงๆ ไม่มีความคิดความรู้สึกเราเข้าไปปะปนจนผิดเพี้ยนไป…ไม่มีเสียงหมาหอน ไม่มีกลิ่นธูป ไม่มีลมพัดวูบวาบ แต่ในขณะที่ผมหลับตานั่งสมาธิอยู่ที่โซฟารับแขก ผมรู้สึกได้ชัดมากๆ ว่ามีใครมายืนอยู่ที่ประตูรั้วเป็นชายวัยกลางคน ผมรองทรงสูงสีขาวดูมีอำนาจ ท่าทางภูมิฐานในชุดหม้อห้อมคาดผ้าขาวม้า ชะเง้อมองเข้ามาอย่างสงบไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจออะไรแบบนี้ในสมาธิ ผมอุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตาโดยอัตโนมัติซึ่งบางทีอาจจะอัตโนมัติเกินไป คุณลุงท่านนั้นรับไว้อย่างสงบ แล้วค่อยๆ เดินจากไปอย่างสงบสง่างาม น่าเกรงขาม จนผมเริ่มสงสัยว่า ท่านอาจจะไม่ได้มาขอส่วนบุญ? แล้วท่านมีธุระอะไร?เช้าวันต่อมาผมเล่าถึงการปรากฏของคุณลุงท่านนั้นในภรรยาฟัง เมื่อแจกแจงรูปพรรณสันฐานเสร็จ แฟนผมรับต่อทันทีว่า ท่านเข้าฝัน รูปร่างท่าทาง พร้อมด้วยบรรยากาศน่าเกรงขามเช่นเดียวกันแต่ในฝันที่ส่วนมากจะเลือนลางนั้น ภรรยาผมจำได้แม่นยำว่า ท่านมาขอให้ไปบอกน้องที่ทำงานคนหนึ่ง ว่าอย่าไล่ที่เค้าเลย ขอให้เค้าอยุ่ที่นั่นเถอะ เค้าถูกไล่มาครั้งหนึ่งแล้วจากบ้านหนองอีเลิศ… ภรรยาผมย้ำชัดๆ เลยว่า ชื่อนี้เลยพี่ หนองอีเลิศผมสะอึกนิ่งอยู่พักใหญ่ นอกจากจะทึ่งว่า บทสนทนาในฝันชัดเจนได้ขนาดนี้เลยเหรอ?ผมยังระลึกได้แทบจะทันทีว่าผมขับรถผ่านบ้านหนองอีเลิศเกือบทุกปีในวันทำบุญครบรอบคุณยายเสีย เพราะเป็นหมู่บ้านติดๆ กับหมู่บ้านคุณตาคุณยายผม คุณแม่ผมก็คุ้นเคยเป็นอย่างดี น้องที่ทำงานก็เหมือนกัน เห็นว่าซื้อที่มาทำหอ แล้วก็ไม่อยากทำแล้ว จะขายต่อก็ไม่มีใครซื้อซะทีรีบโทรกลับไปเช็คที่กรุงเทพ คุณแม่ก็สะอึกไม่แพ้กัน… คุณแม่เล่าว่า เมื่อก่อนมีเจ้าที่ประจำหมู่บ้านนี้ดุมาก ใครไปรุ่มร่ามล่วงเกิน ก็หลอกหลอนจนเป็นบ้าไปหลายคนแล้ว แต่ต่อมา กปภ.มาทำประปาหมู่บ้านตรงนั้นพอดี คุณแม่ผมก็ว่าไม่เห็นมีใครเจออีก ภรรยาผมโทรหาน้องที่ทำงาน ทางนั้นเล่าให้ฟังว่า ขายที่ไม่ได้ มีคนแนะนำให้เปลี่ยนเจ้าที่ กำลังหาคนทำพิธีอยู่หรือไงนี่ล่ะ ก็เล่าๆ ให้ฟัง รู้แล้วว่าท่านไปไหน รู้แล้วว่าท่านมีธุระอะไร ดูเหมือนคนที่ตกใจที่สุดก็น้องที่ทำงานนี่ล่ะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง