วันซวยแห่งชาติ


       วันนี้ก็มีเรื่องเล่าของบุคคลท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราเรียนอยูที่มหาลัยแห่งหนึ่ง วึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่กิจกกรมเยอะมาก และหนักมาก เราไม่เคยได้กลับบ้านต่ำกว่า 3 ทุ่มเลย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้จะวันกีฬาสีแล้ว วันหนึ่งเราและเพื่อนคนอื่นๆก็ช่วยกันทำงานในส่วนของตัวเองตามปกติ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งนึกได้ว่าลืมปิดพัดลมที่ใต้ตึก ทุกๆคนก็พากันไปปิด และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า...เรื่องนี้เป็นช่วงเรียนมหาลัยปี 2 เทอม 2 ค่ะ ตอนนั้นจำได้ดีเพราะเป็นช่วงที่ทำกิจกรรมหนักมากต้องกลับบ้านดึกทุกวัน ไม่เคยต่ำกว่า 3 ทุ่มสักที เพราะเป็น Staff งานกีฬาสีคณะนั่นเอง เราต้องเลื่อยไม้ทำฉากแสตนกับเพื่อนๆร่วมคณะสิบกว่าคนได้ และก็มีรุ่นพี่บางส่วนมาช่วยทำชุดลีดเดอร์ให้ วันนั้นรู้สึกว่าเป็นวันที่โครตจะโป๊ะเชะเป็นพิเศษ เพราะเพื่อนเราคนหนึ่งเกิดนึกได้ว่าลืมปิดพัดลมที่ใต้ตึกเลยพากันยกโขยงกันกลับไปปิด แต่เราขอยืนอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่างตึกกับเพื่อนชื่อมัฟอีกคน เราก็คุยกับมัฟไปเรื่อยๆ อยู่ๆก็ได้ยินเสียงจุ๋มกรี๊ดลั่นแล้วก็พากันวิ่งกันมาทางเรายังไม่ทันตั้งตัวเลยค่ะ ก็ถูกเพื่อนอีกคนวิ่งมาดันหลังให้พ้นจากตรงนั้นจนมาถึงหน้าโรงแรมของมหาลัย เพื่อนเราที่ชื่อต้นก็ตะโกนให้พวกเราหยุดวิ่งก่อน เรากับเพื่อนนี่หยุดกึก!!! แบบสั่งได้เลยต่างคนต่างมองไปรอบๆ อารมณ์หวาดระแวงสุดฤทธิ์ เว้นเรากับมัฟที่ยังไม่รู้เรื่องได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก ก็เลยถามต้นว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นก็เลยบอกว่าเมื่อกี้นี้จุ๋มมันจะเอื้อมมือไปกดปิดพัดลม แต่สวิตท์พัดลมดันปิดเองเหมือนคนกดปิดให้ก่อนที่จุ๋มจะกดเสียอีก เลยวิ่งหนีกันมา แล้วที่บอกให้หยุดเพราะเมื่อกี้ต้นเห็นว่ามีผู้ชายใส่เสื้อแบบเด็กบีบอยสีเขียวลอยตัดหน้าผ่านพวกเราทะลุกำแพงโรงแรมไปเลยทำให้คิดได้ว่าต่อให้หนียังไงพวกก็หนีไม่พ้นอยู่ดี หลังจากได้ฟังแบบนั้นต่างก็คิดได้ว่าเออว่ะจริงด้วยจะวิ่งหนีทำไมในเมื่อเค้าจะหลอกยังไงก็หนีไม่พ้น แต่ถึงยังไงก็ควรแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วก็เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน ช่วงนั้นก็มีเรากับเพื่อนอีก 4 คน ชื่อ ปุ้ย ยู้ มัฟ และก้อง จะไปที่อนุสาวรีย์กันเพื่อไปต่อรถแยกย้ายไปบ้านของตัวเอง ก็เลยตกลงกันว่าขึ้นรถแท็กซี่เถอะไม่อยากอยู่แถวนี้แล้วมันน่ากลัว ยู้ก็เลยโบกแท๊กซี่ให้ ในขณะที่แท็กซี่กำลังจะจอดตรงหน้าพวกเรา เราดันเห็นว่าในแท็กซี่คันนั้นมีคนนั่งอยู่แล้ว!!! เราก็บอก เฮ้ยยู้เค้ามีลูกค้า แล้วยู้ก็หันมาว่าเราว่าเค้าเปิดไฟว่างอยู่ไม่เห็นเหรอไง ตอนนั้นอยากจะเถียงใจจะขาดว่าเห็นสิแขก VIP ซะด้วยพอรถแท็กซี่จอด ยู้ก็เปิดประตูหน้าไปบอกจุดหมายปลายทางที่จะไปแล้วก็รีบขึ้นไปนั่งเบาะหน้ากับก้อง เราก็อึ้งที่ทุกคนไม่เห็นอย่างที่เราเห็นจนมัฟก็ดันหลังให้เราไปเปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปเสียที เลยจำใจทำค่ะ พอเราเปิดประตูเราก็ยังเห็นเค้านั่งอยู่ในสุดแถมท้าวแขนกับหน้าต่างสบายใจเฉิบเลยด้วย จนไม่รู้จะทำยังไงเพื่อนก็ดันหลังเร่งให้ขึ้นสักที เราก็เลยร้องเฮ้ย!!!จนผู้ชายคนนั้นสะดุ้งตกใจแล้วมองตัวเองแบบสำรวจร่างกายแล้วหายวับไปต่อหน้าต่อตาอีกแล้วค่ะ เค้าคงตกใจที่เราเสียงแหบมากยังกับเสียงผู้ชายแตกหนุ่มแมนมากๆ พอเค้าหายไปเราก็ให้เพื่อนขึ้นก่อนแบบว่าทำใจไม่ได้ค่ะ พอขึ้นรถเสร็จเพื่อนทั้ง 4 คนต่างคาดคั้นเรามากๆเลยว่าเจออะไรเห็นอะไร เราก็ยังไม่ตอบได้แต่สำรวจภายในรถแท็กซี่ว่าไม่มีพระสักองค์พวงมาลัยไหว้รถก็ไม่มี เราเลยถามพี่คนขับว่าพี่ๆ เมื่อเช้าพี่ได้รับผู้ชายใส่เสื้อกับกางเกงยีนหรือปล่าวคะ พี่เค้าก็ตอบว่ารับมาที่โรงพยาบาลแถวมหาลัยน้องนั่นแหละน้องรู้ได้ยังไง ไม่ใช่แค่คนขับที่สงสัยเพื่อนเราก็สงสัย เราก็บอกว่าอ่ะจะบอกแล้วนะพี่ล๊อครถก่อน พี่เค้าก็ทำตามแบบงงๆเราก็เล่าให้ฟังว่าเห็นอะไรก่อนที่จะขึ้นมาบนรถคันนี้ ทั้งรถสตั้นไป 3 วิ ก่อนที่จะหันไปเขย่าประตูรถหวังจะเปิดแล้วหนีออกไปค่ะ ดีนะที่ติดไฟแดงอยู่ไม่งั้นล่ะก็ตายคาถนนแน่ๆเลย พอถึงอนุสาวรีย์ก็รีบแยกกันกลับบ้านเลยค่ะ เจอที 3 เด้งเลยวันนั้น….

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง