สายเรียกเข้าสุดท้ายจากแม่


      วันนี้ก็มีเรื่องเล่าของบุคคลท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า... เราอาศัยอยู่กับแม่ 2 คน ที่จังหวัดนครสวรรค์ พ่อเราเสียไปแล้วตั้งแต่เด็กๆ และเราก็ได้เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และก็ทำงานต่อเลย ทุกๆวันแม่จะโทรมาหาเรา ถามว่าทำอะไรอยู่ กินอะไรรึยัง นอนรึยัง คำถามเดิมๆ ที่แม่ก็ไม่เคยเบื่อที่จะถาม และเราก็ตอบไปแบบเดิมๆ ใช้เวลาคุยกับแม่ครั้งหนึ่งไม่กี่นาที เราก็ตัดบทวางไป ตอนนั้นเราเพิ่งมีแฟน ชื่อเอ (นามสมมติ) เราใช้เวลาส่วนมาก หมดไปกับการคุยโทรศัพท์กับเอ และด้วยความที่ต้องทำงานหนัก กับติดแฟน ทำให้เราแทบไม่ได้กลับบ้านไปหาแม่เลย คืนวันหนึ่งขณะเราคุยโทรศัพท์กับเอ แม่ก็โทรมาหาเป็นสายซ้อน เราก็ไม่ได้รับ เพราะคิดในใจว่า ก็คงโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนทุกวัน หลังจากวางสายจากเอ เราก็นอนหลับโดยที่ก็ไม่ได้โทรกลับหาแม่ พอเช้ามาเราก็ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ เป็นอาของเราโทรมาหาด้วยเสียงสั่นๆ บอกว่าตั้งใจฟังดีๆนะ เมื่อคืนนี้โจรขึ้นบ้านแม่ และแม่ก็ขัดขืน ต่อสู้ จนกระทั่งถูกแทงเข้าที่ท้องเสียชีวิต แต่ตอนที่ไปเจอศพ แม่แกถือโทรศัพท์อยู่แน่นเลย และในรายการโทรออก กลับไม่มีเบอร์ตำรวจหรือ เบอร์โรงพยาบาล มีแต่เบอร์ของเรา เมื่อเราได้ยินแบบนั้น น้ำตาเราก็ไหลอาบแก้มทันที เพราะสายซ้อนเมื่อคืน คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่แม่ต้องการ คือได้ยินเสียงของเรา เพื่อบอกลา หลังจากนั้นที่งานศพแม่ที่นครสวรรค์ ขณะที่เรากับเอเข้าไปจุดธูปไหว้ที่โลงศพแม่ จู่ๆไฟก็ดับทั้งศาลา มืดไปหมด ทุกคนในงาน ต่างก็ใช้ไฟจากมือถือส่องกัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็ไหว้ต่อจนเสร็จ สักครู่เดียวไฟก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง เราก็เห็นเอนั่งหน้าซีด เลยถามว่าเป็นอะไร? เอบอกว่า เมื่อกี้ตอนที่เราไหว้โลงศพ พอไฟดับแล้วเอเปิดไฟที่มือถือขึ้นมา เอส่องเห็นตรงที่ที่เราก้มกราบลงไป มีเท้าคนยืนอยู่ และก็มีน้ำหยดลงมาที่พื้น แต่พอมองขึ้นไปกลับว่างเปล่า และไฟก็ติดขึ้นมา ตอนนั้นฟังดูน่ากลัว แต่เรากลับไม่มีความกลัวเลย แต่กลับรู้สึกเศร้าจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะนั่นคงจะเป็นวิญญาณของแม่เรา มายืนร้องไห้อยู่ตรงหน้าเราก็เป็นได้ ถึงตรงนี้เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไปแล้ว ทุกวันนี้เรานั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้แม่ฟัง แต่คงไม่มีอีกแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง