ของเก่าโบราณ


     วันนี้ก็มีเรื่องเล่าของบุคคลท่านหนึ่งมาเล่าให้ฟัง เขาเล่าว่า...เราเรียนจบ และทำงานมาได้ประมาณสิบปี ก็มีเงินเก็บก้อนหนึ่งพอที่จะซื้อบ้านให้ตัวเองได้แล้ว ช่วงนั้นก็สนุกกับการแต่งบ้าน เราเป็นคนชอบเฟอนิเจอร์แนวโบราณ วินเทจๆ ก็จะตระเวนหาของเก่ามาแปลงโฉมใหม่ เพราะเราเชื่อว่าของที่ทำสมัยก่อน เป็นไม้แท้ที่คุณภาพดี ผิดกับของที่ขายในปัจจุบัน ที่มักจะเป็นไม้อัดราคาถูก และเราก็ไปได้โต๊ะเครื่องแป้งโบราณตัวหนึ่ง ที่สวยมากๆ และราคาไม่แพง มาจากตลาดขายของเก่าแถวนนทบุรี หลังจากส่งให้ช่างไม้ไปซ่อมแซม ขัดทำสีใหม่ เราก็เอาเข้ามาไว้ในห้องนอน ผ่านไปหลายวันทุกอย่างก็ปกติดี จนมีอยู่วันหนึ่ง เรากลับมาบ้านดึก หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็มาทาครีมที่โต๊ะเครื่องแป้ง และก็เหลือบไปเห็นหวีของเรา ที่มีผมพันอยู่เยอะผิดปกติ แต่ก็ยังไม่ได้เอะใจ ก็เข้านอนเลย กลางดึกคืนนั้นเราก็ต้องตื่นขึ้นมา เพราะได้ยินเหมือนเป็นเสียงเคาะกระจกหน้าต่าง สองสามครั้ง เราลุกไปที่หน้าต่าง แต่ก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกอีก แต่มันไม่ใช่เสียงจากหน้าต่าง แต่เป็นเสียงเคาะมาจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง เมื่อหันไป สิ่งที่เราเห็นคือ ในกระจกมีภาพสะท้อนของหญิงไทยหน้าขาว ผมยาว ใส่ชุดไทยสมัยเก่าสีขาว แต่ไม่มีตาดำ กำลังหวีผมอยู่ ตอนนั้นเราตกใจมากๆ รีบวิ่งลงไปชั้นล่างทันที คืนนั้นเรานอนที่โซฟาทั้งคืนจนเช้ามา เรารีบโทรหา ปั่น แฟนเราให้มาที่บ้าน และพวกเราก็ขึ้นไปที่ห้องนอน ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เราเห็นหวีที่มีผมพันอยู่ แต่เมื่อดึงออกมากลับเป็นผมยาวมากๆ เต็มไปหมด ซึ่งไม่ใช่ผมเราแน่ๆ เพราะเราเป็นคนผมสั้น ตอนนั้นเรามั่นใจว่าโดนแน่ๆแล้ว ปั่นแนะนำให้ลองอยู่อีกคืนหนึ่งดู เดี๋ยวคืนนี้ปั่นจะอยู่เป็นเพื่อน โดยปั่นเอากระดาษหนังสือพิมพ์ ปิดกระจกโต๊ะเครื่องแป้งไว้มิด และปั่นก็ถอดสร้อยพระของปั่นให้เราใส่นอน คืนนั้นเหมือนจะผ่านไปด้วยดี เรานอนหลับสนิท โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเช้าเลย พอเราตื่นมา ปั่นกลับไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ เรารีบลงจากบ้านไป เห็นปั่นนั่งกอดเข่า ตัวสั่นอยู่ที่โซฟา เราถามว่าเกิดอะไรขึ้น? ปั่นเล่าไปเสียงสั่นไปว่า เมื่อคืนตอนดึกๆ ปั่นรู้สึกเหมือนมีมือมาจับที่เท้า พอลุกขึ้นมาเท่านั้นแหละ เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว นั่งหันหลัง หวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ปั่นร้องตะโกนลั่น และเขย่าตัวเรา เขย่าเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น และผู้หญิงคนนั้นก็หันหัวกลับมามอง โดยที่ยังนั่งหันหลังให้อยู่อย่างนั้น หลังจากวันนั้น พวกเราก็นำโต๊ะเครื่องแป้งนี้ไปมอบให้วัดแห่งหนึ่ง โดยที่ทางวัดก็ลงยันต์ไว้ และเก็บไว้อย่างมิดชิดจนถึงตอนนี้ เรื่องนี้ทำให้เราก็เริ่มกลัวของโบราณขึ้น แต่ก็ยังคงชอบอยู่ดี แต่เราก็จะพยายามสืบประวัติของของที่จะซื้อให้ดีขึ้น เพราะของของใคร ใครก็ต้องหวง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ขอกินน้ำหน่อย!

โรงเรียนสุดหลอน

พนักงานหลอกลวง